ในที่สุดหุ้นบริษัท เอ็นเนอร์ยี เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EARTH ก็ไม่รอด ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสั่งขึ้นเครื่องหมาย “เอสพี” พักการซื้อขายไว้ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนนี้ จนกว่าจะชี้แจงข้อมูลผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและการดำเนินงานที่ชัดเจน จากการผิดนัดชำระหนี้ได้
เอิร์ธกำลังเผชิญวิบากกรรมจากปัญหาหนี้ โดยเฉพาะหนี้ตั๋วแลกเงินหรือตั๋วบี/อี ซึ่งครบกำหนดชำระในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมนี้ จำนวนรวมทั้งสิ้น470 ล้านบาท ไม่นับรวมตั๋วบี/อี 2ใบที่เด้งไปแล้ว เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาวงเงิน90 ล้านบาท
นับตั้งแต่เอิร์ธแจ้งการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อีครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา วงเงิน 40 ล้านบาท ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการแก้ปัญหาเอิร์ธตามมา
หุ้นเอิร์ธควรถูกสั่งพักการซื้อขายทันที เมื่อประกาศข่าวการผิดนัดชำระหนี้
เพราะการไม่สามารถชำระหนี้ที่ครบกำหนดได้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความผิดพลาดของฝ่ายบริหารบริษัทในการวางแผนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทฯมีปัญหาด้านฐานะทางการเงินด้วย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และกระทบต่อความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง
สถาบันการเงิน ถ้าเกิดปัญหาสภาพคล่อง มีปัญหาด้านฐานะทางการเงิน ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจล้มครืนได้ทันที เพราะผู้ฝากเงินเกิดความตื่นตระหนกแห่ถอนเงิน
ส่วนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเกิดปัญหาฐานะทางการเงิน นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก และพากันเทขายหุ้นทิ้งเหมือน ซึ่งเกิดขึ้นแล้วกับหุ้นเอิร์ธ โดยถูกถล่มขายจนราคารูดติดฟลอร์
เมื่อเอิร์ธยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่สามารถระบุเงื่อนเวลาที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้ ไม่อาจชี้แจงแนวทางการการกอบกู้ฐานะทางการเงินอย่างเป็นรูปธรรม ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงควรพักการซื้อขายไว้ก่อน
เพราะเมื่อการแก้ปัญหาหนี้ยังคลุมเครือ การดำเนินงานไม่รู้ว่าจะถูกกระทบเพียงใด ฐานะทางการเงินของบริษัทฯทรุดขนาดไหน ถ้าปล่อยให้หุ้นเอิร์ธซื้อขายตามปกติต่อไป นักลงทุนเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย
และเปิดช่องให้กลุ่มคนที่รู้ข้อมูลภายใน รู้ว่ากิจการจะไปรอดหรือไม่ นำข้อมูลภายในมาใช้เอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปอีกด้วย
แม้ฝ่ายบริหารเอิร์ธจะพยายามชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ แต่คำชี้แจงไม่อาจตอบคำถามได้ว่า เอิร์ธจะฝ่าวิกฤตหนี้ที่ทยอยครบกำหนดชำระคืนได้อย่างไร และจะดำเนินงานต่อไปอย่างไรขณะที่มีปัญหาฐานะทางการเงิน
คำชี้แจงจากเอิร์ธระบุว่า ปลายเดือนเมษาบนที่ผ่านมา สถาบันการเงินแห่งหนึ่งได้แจ้งระงับการใช้วงเงินชั่วคราว และลดภาระหนี้กับสถาบันการเงินแห่งนั้นเหลือไม่เกิน5,000 ล้านบาท โดยมีผลทันที ส่วนแผนการออกหุ้นกู้วงเงิน5,000 ล้านบาท ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากสถาบันการเงิน
และเดือนพฤษภาคม สถาบันการเงินแห่งเดียวกันได้ล็อคบัญชีทั้งหมดของบริษัท โดยที่ยังไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ขาดสภาพคล่องและไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนสำรองได้ทัน จนนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้
สำหรับสถาบันการเงินอื่น ได้พิจารณาทบทวนสินเชื่อเอิร์ธ ทำให้ไม่สามารถใช้วงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ และไม่สามรถออกตั๋วแลกเงินใหม่เพื่อทดแทนตั๋วแลกเงินเดิมที่ครบกำหนดชำระ ขณะที่ถูกลดความน่าเชื่อถือจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จึงต้องดำเนินธุรกรรมด้วยเงินสด กระทบต่อการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน
เอิร์ธแจ้งบทสรุปว่า บริษัทอยู่ระหว่างหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม มีแนวทางแก้ปัญหาเมื่อไหร่จะรายงานให้ก.ล.ต.ทราบ
คำชี้แจงจากฝ่ายบริหารเอิร์ธ บ่งชี้ว่า บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้กำลังเจอ ”ทางตัน” เพราะสถาบันการเงินปิดประตูปล่อยกู้ ตั๋วบี/อีชุดใหม่ออกไม่ได้ และยามนี้ออกมาคงไม่มีใครซื้อ
ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อาจรู้สถานการณ์ภายในของเอิร์ธดี จึงกำหนดเงื่อนไขค้าขายกันด้วยเงินสด ส่วนการค้าถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทก็อยู่ในช่วงขาลง ล่าสุดจีนก็สั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่ายหินเพิ่มอีก 30 แห่ง
เอิร์ธจะฝ่ามรสุมหนี้ ผ่านพ้นวิกฤตฐานะทางการเงินและธุรกิจการค้าถ่านหินที่กำลังตกต่ำได้อย่างไร เป็นโจทย์ใหญ่ของฝ่ายบริหารบริษัท
การสั่งพักการซื้อขายหุ้นเอิร์ธ เป็นการดำเนินมาตรการกับกับดูแลและคุ้มครองผู้ลงทุนที่สมควรใช้อย่างยิ่ง และตลาดหลักทรัพย์ควรนำมาตรการที่ใช้กับเอิร์ธ เป็นบรรทัดฐานใช้กับบริษัทจดทะเบียนที่ผิดนัดชำระหนี้รายอื่นๆด้วย
บริษัทจดทะเบียนแห่งใดผืดนัดชำระหนี้ ต้องขึ้นเอสพีพักการซื้อขายทันที
ส่วนกรณีเอิร์ธ ใครถือหุ้นไว้ คงต้องทำใจแล้ว เพราะหุ้นอาจถูกพักยาว ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้กลับมาเคาะซื้อเคาะขายกันใหม่