xs
xsm
sm
md
lg

แอพเพิล เวลธ์ คาดปี 2560 SET Index รับอานิสงส์รอบทิศ อาจพุ่งแตะ 1,600 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.แอพเพิล เวลธ์ มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยปีไก่ทอง ผันผวนในกรอบ 1,400-1,600 จุด ชี้ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจสุดแกร่ง เลือกตั้งปลายปีหนุน แถม P/E ยังถูกกว่าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ แนะจับตาปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ ทำ Fund Flow ไหลออก แถมการเมืองในยุโรปกดดัน แนะเก็บหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี สินค้าโภคภัณฑ์ รับเหมาก่อสร้างเข้าพอร์ต

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2559 ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดช่วงเดือน ม.ค. ขึ้นไปทำจุดสูงสุดช่วงเดือน ส.ค. บริเวณ 1,550 จุด โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติราว 7 หมื่นล้านบาท และแรงซื้อจากพอร์ตโบรกเกอร์ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP (ไทย-อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์) เนื่องจากความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปี 2560

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในปี 2560 คาดว่าจะผันผวนในกรอบ 1,400-1,600 จุด เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ จะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสฟื้นตัว ส่งผลให้เฟด มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.125% ซึ่งน่าจะส่งผลให้ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยหากพิจาณาความสัมพันธ์ดัชนี MSCI Asia Pacific Ex. Japan และอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะเห็นได้ว่า หากดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น น่าจะส่งผลลบให้ดัชนี MSCI Asia Pacific Ex. Japan ยังมีทิศทางผันผวนเชิงลบ เนื่องจากเงินทุนในตลาดพันธบัตร และตลาดทุนมีโอกาสไหลกลับไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ตอบแทนสูงกว่าในรูปดอลลาร์สหรัฐ

สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาในการลงทุนปี 2560 คือ นโยบายเศรษฐกิจใหม่ของนายทรัมป์ ที่เน้นไปที่การสร้างงานในประเทศสหรัฐฯ ผ่านแนวทางปรับลดภาษีนิติบุคคล ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล นโยบายยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้วยวงเงินสูงสุด 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และปรับข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าใหม่เพื่อลดการขาดดุลทางค้า รวมทั้งการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่คาดการณ์จะขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% มากกว่าเดิมที่คาดจะขึ้น 2 ครั้ง รวมทั้ง Fund Flow อาจจะยังไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวแรงกว่าคาด ขณะที่ประเด็นการเลือกตั้งในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส (เลือกตั้งประธานาธิบดี เม.ย-พ.ค. ) เยอรมนี (เลือกตั้งทั่วไป ส.ค.-ต.ค.) ซึ่งหากผลการเลือกตั้งฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเดิมชนะการเลือกตั้ง มีโอกาสที่จะเห็นการใช้นโยบายเชิงชาตินิยม และการขอออกจากสหภาพยุโรป” นายอภิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในปี 2560 ยังมีปัจจัยบวกจากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งคาดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2559 จำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ, หนี้สิน/GDP อยู่ที่ระดับ 34.8% และระดับหนี้ NPL ต่ำกว่าระดับ 3% ขณะที่การเมืองไทยหลังจากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ น่าจะส่งผลบวกต่อการปฏิรูปกฎหมายต่างๆ และสร้างระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อนักลงทุนในช่วงปลายปี 2560

นอกจากนี้ Valuation ดัชนี SET ระดับปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ Forward P/E 14 เท่า และอัตรา Earning Growth ที่ราว 11% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP นั้น ดัชนีหุ้นไทยถูกกว่าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ซื้อขายที่ระดับ Forward P/E 15.6 เท่า และมี Earning Growth ที่ 7.8% ประกอบกับ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติได้ไหลออกจากตลาดหุ้นในช่วงปี 2557-2558 ราว 3 แสนกว่าล้านบาท ส่งผลแรงขายนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมีค่อนข้างจำกัด และเริ่มเห็นการเข้าซื้อสะสมหุ้นไทยของต่างชาติในปี 2559 จำนวน 7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ Downside Risk ของดัชนีหุ้นไทยค่อนข้างน้อยในกรณีตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน

รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การลงทุนในปี 2560 แนะนำซื้อลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, PYLON ได้ปัจจัยบวก Acton Plan งบลงทุนกระทรวงคมนาคมปี 2560 จำนวน 8.95 แสนล้านบาท กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี PTT, PTTEP, PTTGC, BCP, IRPC, IVL จากอานิสงส์แนวโน้มขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น STA, KBS, BRR, UVAN, UPOIC, CPI
กำลังโหลดความคิดเห็น