ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดทำการซื้อขายภาคเช้า ดัชนี SET ปิดภาคเช้าที่ 1,516.56 จุด ปรับตัวบวกขึ้นมา 1.33 จุด หรือ 0.09% ปริมาณซื้อขายเบาบางเพียง 11,455 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น จำนวน 515 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 475 หลักทรัพย์ ลดลง 389 หลักทรัพย์
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิคส์ หรือ PERM ปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น +0.74 บาท หรือ (+18.41%) มูลค่าการซื้อขาย 535,960.53
บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ปิดที่ 392.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ (-0.51%) มูลค่าการซื้อขาย 452,184.50
บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น หรือ SRICHA ปิดที่ 21.00 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท หรือ (+5.00%) มูลค่าการซื้อขาย 312,035.99
บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น +0.75 บาท หรือ (+2.83%) มูลค่าการซื้อขาย 300,733.15
บมจ.ปตท หรือ PTT ปิดที่ 365.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย275,272.50
นักวิเคราะห์จาก บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การที่ดัชนี SET Index ปรับตัวปิดเป็นบวกเล็กน้อยในการซื้อขายภาคเช้านั้น ส่วนหนึ่งมาจากแรงหนุนตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.ที่ออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับมีแรงซื้อ LTF และ RMF รวมถึงการทำ Window Dressing ช่วงปลายปีเข้ามา แต่กระนั้น ยังมีแรงกดดันจากความกังวลเงินทุนไหลออกจากแรงขายต่างชาติ และการปรับพอร์ตของนักลงทุนช่วงปลายปี ทำให้ตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบสลับแดนบวกและลบตลอดภาคเช้า ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก บล.ธนชาต มองว่า SET Index เคลื่อนไหวในกรอบการซื้อขายช่วงแคบๆ ด้วย Downside Risk จำกัดปลายปี เนื่องจากการทำ Window Dressing ของกองทุนฯ และแรงซื้อจาก LTF ขณะที่นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ปรับพอร์ตไปก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความกังวลต่อการ “พักฐาน” ของ SET Index ต้นปีหน้าทำให้นักลงทุนจะต้องมีการ จำกัดพอร์ต โดยเฉพาะในกรณีที่ SET ปรับลดลงต่ำกว่า 1,510 จุด จะถือว่าเป็นสัญญาณลบทางเทคนิคอีกด้วย