อาม่ามารีน เปิดเทรดวันแรกพุ่ง 15.90 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 9.99 บาท/หุ้น หรือกว่า 59.16% ระดมทุน 1,078 ล้านบาท เพิ่มกองรถขนส่ง และเรือบรรทุกสินค้าเหลวรับความต้องการของตลาดขยายตัว
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บมจ. อาม่า มารีน หรือ AMA กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีกับราคาหุ้นที่เข้าเปิดทำการการซื้อขายวันแรกมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างน่าพอใจ โดยทันทีที่เปิดตลาด ราคาอยู่ที่ 15.90 บาท/หุ้น จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ที่ 9.9 บาท/หุ้น โดยส่วนตัวมองว่า ระดับราคาถือว่าสะท้อนพื้นฐานของบริษัทฯ จากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 20 ปี โดยให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือกับบริษัทผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มขนาดใหญ่ของโลกที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่ง AMA ถือเป็นบริษัทขนส่งทางเรือรายแรกในตลาดทรัพย์ฯ ที่รับขนส่งสินค้าเฉพาะของเหลว
“บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปขยายกองเรือ และกองรถบรรทุกน้ำมัน โดยตั้งเป้าขยายกองเรือในปี 2560 จำนวน 2 ลำ และมองโอกาสที่จะขยายกองเรือเพิ่มอย่างต่อเนื่องในอนาคต ปี 2560-2561 ก็ตั้งเป้าที่จะขยายกองรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มอีกอย่างน้อย 50 คัน/ปี ตามการเติบโตของธุรกิจขนส่ง และปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าความสามารถในการบรรทุกน้ำมันโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปีนี้ ส่วนเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมีในปัจจุบันมีจำนวน 8 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวมทั้งสิ้น 46,661 เมตริกตัน และมีรถบรรทุกน้ำมันจำนวน 95 คัน ปริมาณการบรรทุกรวมทั้งสิ้น 4.28 ล้านลิตร และคาดว่าจะมีการเพิ่มกองเรือเข้ามาในอนาคตอย่างแน่นอน”
ขณะที่เป้าหมายรายได้หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2560 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีนี้ โดยตั้งเป้าจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 25-30% และอัตรากำไรสุทธิที่ 15% เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และมีความสัมพันธ์ที่ดีโดยหลักๆ บริษัทฯ มีลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประมาณ 10 ราย และมองโอกาสที่จะขยายการให้บริการขนส่งสินค้าประเภทอื่นๆ อีกด้วย
ด้าน นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ AMA กล่าวว่า บมจ.อาม่า มารีน ถือว่ายังมีการเติบโตที่ดีในระยะยาว จากความสามารถในการทำกำไร ทั้งอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ ซึ่งในปีหน้าก็เชื่อว่า บริษัทน่าจะยังรักษาระดับไว้ให้ใกล้เคียงปีนี้ รวมถึงแผนการขยายขอบเขตการให้บริการกองรถบรรทุกน้ำมัน และกองเรือในปีหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการบรรทุกสินค้าที่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่บริษัทฯ ยังมองโอกาสขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน อีกด้วย