บมจ.อาม่า มารีน หรือ AMA ได้แถลงข่าวความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนซื้อขายหุ้นครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO โดยได้กำหนดราคาที่ 9.99 บาท/หุ้น จากจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดกว่า 108,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.02 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้จองซื้อในวันที่ 8-14 ธ.ค.ครั้งนี้ และบริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าจะเปิดทำการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาด mai วันที่ 22 ธ.ค.นี้ หลังจากที่ทาง ก.ล.ต.ได้อนุมัติการซื้อขายหุ้นแล้ว
ขณะเดียวกัน การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ได้แบ่งหุ้นออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งหุ้นที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 102,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 23.63 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ส่วนที่เหลือ จำนวน 6,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.39 จะเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยคิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวมทั้งสิ้นกว่า 1,078.92 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำหนดะยะเวลาการเสนอขายหุ้นสามัญวันที่ 8-9 ธันวาคม 2559 และวันที่ 13-14 ธันวาคม 2559 โดยมี บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย
นอกจากนี้ บริษัทมีอัตรา P/E เท่ากับ 31.29 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ Earning per Share ซึ่งได้จากการคำนวณส่วนของกำไรสุทธิจากผลประกอบการส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ย้อนหลัง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 ถึง 30 กันยายน 2559) ซึ่งเท่ากับ 137.80 ล้านบาท และหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 431.60 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.32 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบ P/E ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 229-250 ล้านบาท ไปใช้ในการขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งปิโตรเคมี และสินค้าอื่นๆ ระหว่างประเทศในช่วงไตรมาส 1/2560 และลงทุนขยายกองรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าปิโตรเคมี และเชื้อเพลิงในประเทศ อีกกว่า 33-44 ล้านบาท ในระหว่างปี 2560-2561 ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ
ขณะที่ในส่วนของมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น บริษัทฯ วางนโยบายในการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ ภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่นๆ (ถ้ามี) อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต