อาฟเตอร์ ยู พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 23 ธันวาคมนี้ เชื่อมั่นนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี หลังมั่นใจในศักยภาพธุรกิจ และการเติบโต ด้านผู้บริหารประกาศแผนเร่งขยายสาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ครบ 30 สาขาภายในปี 61
นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ โดยใช้ชื่อย่อ “AU” ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ และมั่นใจว่า หุ้น AU จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต หลังจากก่อนหน้านี้ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 165 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไปจองซื้อ ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท เมื่อวันที่ 14-16 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด
ทั้งนี้ บมจ.อาฟเตอร์ ยู ดำเนินธุรกิจ 2 ส่วน คือ ธุรกิจร้านขนมหวานภายใต้เครื่องหมายการค้า “อาฟเตอร์ ยู” และ “เมโกริ” ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายน้ำแข็งไสที่เหมาะกับประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน และธุรกิจรับบริการจัดงานนอกสถานที่ อาทิ งานเลี้ยงสังสรรค์ งานแต่งงาน และการรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ให้แก่สายการบิน หรือร้านอาหาร โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาร้านขนมหวานเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีร้านอาฟเตอร์ ยู และเมโกริ รวม 20 สาขา เป็น 30 สาขาภายในปี 2561 โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งในการขยายสาขาจะต้องใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ และกำลังซื้อ รวมทั้งจะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ได้วางแผนการติดตั้งเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตภายในโรงงานเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการใช้แรงงาน และปรับระบบการเช่าพื้นที่ขยายสาขาจากระยะสั้นเป็นระยะยาว รวมถึงการก่อสร้างสำนักงานใหม่ สถานที่ฝึกอบรมพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้าในย่านพัฒนาการ ตลอดจนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“หลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้ว จะส่งผลให้บริษัทฯ มีความพร้อมในด้านเงินทุนเพิ่มขึ้น โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจขนมหวาน และเบเกอรี่ครบวงจร ทั้งการขยายสาขาในกรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด” นายแม่ทัพ กล่าว
นางสาวกุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.อาฟเตอร์ ยู กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจกว่า 9 ปี ได้มุ่งเน้นสร้างความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ และบริการจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั้งการให้ความสำคัญกับรสชาติผลิตภัณฑ์ การบริการ การสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค การรักษา และขยายฐานลูกค้า ทำเลที่ตั้ง ตลอดจนการทำตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้อาฟเตอร์ ยู เป็นร้านขนมหวานในใจผู้บริโภค โดยอาฟเตอร์ ยู ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมนูใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยมีเมนูพิเศษเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าในเทศกาลต่างๆ รวมถึงให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการ และการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภคทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ
ปัจจุบัน “อาฟเตอร์ ยู” มีเมนูของหวาน และเครื่องดื่มให้บริการกว่า 100 รายการ รวมถึงมีสินค้าของที่ระลึก เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคตั้งแต่เด็กนักเรียนจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีเมนูที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภค อาทิ กลุ่มฮันนี่โทส ช็อกโกแลตลาวา คากิโกริ นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการปรุงจากครัวกลาง เพื่อจัดส่งไปยังร้านขนมหวานสาขาต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า อาฟเตอร์ ยู มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำธุรกิจขนมหวาน และเบเกอรี่ครบวงจร สะท้อนจากผลการดำเนินงานของ บมจ.อาฟเตอร์ ยู ที่เติบโตอย่างโดดเด่น โดยในปี 2556-2558 มีรายได้รวม 188.9 ล้านบาท 311.6 ล้านบาท และ 414.9 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 5.6 ล้านบาท 45.8 ล้านบาท และ 57.5 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนในงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.2559) มีรายได้รวม 440.9 ล้านบาท เติบโต 54.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 286.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.2 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดนั้น มีปัจจัยมาจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น 14.5% จากความนิยมในเมนูน้ำแข็งไสคากิโกริ และการออกเมนูใหม่ๆ ที่ส่งผลให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น และลูกค้าเดิมเข้ามาใช้บริการซ้ำ รวมถึงได้ขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้น 6 สาขา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน