นักลงทุนแห่ขายหุ้น “กรุ๊ปลีส” ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันรวด หักปากกาโบรกฯ หลังหลุดโผ ตลท.ประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านการคำนวณ SET50 และ SET100 ในครึ่งแรกปี 2560 ไม่ผ่านเกณฑ์
ดัชนีการซื้อขาย และราคาหุ้น บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ปรับตัวลงต่อเนื่อง 3 วัน โดยเฉพาะวันที่ 20 ธันวาคม 2559 ราคาหุ้น GL ปรับตัวลงอยู่ระหว่าง 4-8% เนื่องจากรายชื่อหุ้นไม่ได้ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรกของปี 2560 และยังหลุดจากการคำนวนดัชนี SET100 อีกด้วย ซึ่งผิดไปจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายสำนัก จึงกลายเป็น “Negative Surprise” ที่ส่งผลต่อความเชื่อมันนักลงทุน
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า เผยว่า ภาพรวมการซื้อขายหุ้นรายวันของ GL นั้น เกิดจาก Big black candle ซึ่งจะต้องประเมินการเข้าสู่รอบพักฐาน โดยให้รอดูแนวรับแนวต้านที่ 56.25/50 บาท/หุ้น ตามลำดับ
“นักลงทุนที่ขายตัดขาดทุนหลังหลุดจุด Stop loss ที่ 63.25 บาท ตามที่เราแนะนำอาจพิจารณารอการสร้างฐานใหม่อีกครั้ง จึงเข้าซื้อสะสม โดยประเมินแนวรับถัดไป 55 บาท”
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 11.55 น. ราคาหุ้น GL อยู่ที่ 58.50 บาท ปรับตัวลง 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง -1.68%
ขณะที่นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” บริษัทกรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ราคาพื้นฐาน 62 บาท โดยวิเคราะห์จากศักยภาพการทำกำไรปี 2560-61 ของธุรกิจต่างประเทศ และดีล M&A จากการเข้าซื้อกิจการที่ศรีลังกา และเมียนมา รวมถึงการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งจะรับรู้รายได้กำไรได้ทันทีประมาณ 30% ของฐานกำไรปี 2559 ที่ถือเป็นส่วนเพิ่มจากฐานกำไรเดิมที่มีเสถียรภาพอยู่แล้วของธุรกิจในไทย และการเติบโตสูงต่อเนื่องของกัมพูชา และลาว ซึ่งยังมีช่องว่างให้เจาะตลาดได้อีก
นอกจากนั้น มีผลบวกจากการขยายตัวของธุรกิจอินโดนีเซีย ที่เพิ่งเริ่มในไตรมาส 3 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2560
“มองว่าประเด็นการหลุดโผคำนวน SET50 ของ GL กระทบต่ออารมณ์ของนักเก็งกำไรในหุ้น GL พอสมควร ฝ่ายวิเคราะห์ได้ประเมินถึงแนวโน้มผลประกอบการ GL ในไตรมาส 4 นี้ คาดว่ากำไรยังมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ราว 300 ล้านบาท เพราะแรงหนุนของธุรกิจต่างประเทศ โดยในอินโดนีเซีย สามารถทำกำไรได้ทันที แม้เริ่มธุรกิจไปเพียงไตรมาสเดียว ขณะการเติบโตสูงของกำไรในกัมพูชา และลาว คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 25% สำหรับธุรกิจในไทยเอง และบริษัทฯ ได้รับปัจจัยบวกจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การตั้งสำรองไม่มาก และขาดทุนจากการขายรถยึดมีน้อยลง”
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นที่ไม่ติดเข้าคำนวณ SET50 งวดใหม่อย่าง BJC, RATCH, GL และ JAS แม้ว่าหุ้นดังกล่าวจะเข้าหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุกประการ ทั้งการมีลำดับ Market Cap เฉลี่ยในเดือน ก.ย.-พ.ย.59 อยู่ใน 50 ลำดับแรกของหลักทรัพย์ทั้งตลาดฯ และมี Free Float ไม่น้อยกว่า 20% แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กลับนำรายชื่อหุ้นที่อยู่ในลำดับสำรองขึ้นมา ซึ่งตรงตามที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดการณ์ จึงสรุปได้ว่า หลักทรัพย์ที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว สุดท้ายยังต้องขึ้นอยู่ความเหมาะสม และดุลพินิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นสำคัญ