xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ จับมือ IBS พัฒนาระบบชำระเงินคาด 1 ปีพร้อมใช้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังคงมีความท้าทาย แม้รัฐบาลจะพยายามอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบก็ตาม แต่ในด้านของผู้ประกอบการ หรือประชาชนก็จะต้องมีการปรับตัวให้ทันกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จะรอความช่วยเหลืออย่างเดียวก็คงจะขับเคลื่อนไปได้ลำบาก โดยธนาคารคาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ 3.5-4% จากปีนี้ที่ 3.3% ขณะที่สินเชื่อของธนาคารก็น่าจะเติบโต 4-5% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังเพิ่มขึ้นอยู่ก็ทำให้ธนาคารยังต้องกันสำรองฯ เพิ่มเช่นกัน

ด้านเศรษฐกิจโลกเองก็ยังมีความเสี่ยงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มซีกโลกตะวันตก หรือตะวันออกอย่างจีน ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของหนี้สินที่ยังอยู่ในระหว่างการบริหารจัดการอยู่ แต่ในทางด้านการค้า ขนาดเศรษฐกิจของจีนที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เราปฏิเสธที่จะให้ความสำคัญเขาไม่ได้ ทั้งในเรื่องของการค้า ภาคบริการ การท่องเที่ยว

“ปัจจุบัน มหาอำนาจไม่ได้มีเพียงหนึ่งเหมือนแต่ก่อนแล้ว มันมีการดึงถ่วงดุลกันกับอีกฟากหนึ่งเกิดขึ้น ดังนั้น เราจึงปฏิเสธจีนไม่ได้โดยเฉพาะในขณะที่ซีกตะวันตกยังมีความอ่อนแอ เราก็ต้องปรับตัวตามให้ได้เช่นกัน และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นกลไกตัวหนึ่งของระบบเศรษฐกิจก็มีหน้าที่ในการสร้างความสะดวกให้กับกลุ่มต่างๆ ในการดำเนินธุรกรรมต่างๆ ด้วย”

โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับ International Business Settlement Co., LTD. (IBS) ฟินเทครายใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน พัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศไทย-จีนในรูปสกุลเงินบาท และเงินหยวน ด้วยการใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing) และบล็อกเชน (Blockchain) ผ่านเครือข่ายการชำระเงินข้ามประเทศ Next Generation Settlement Network (NGSN) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชำระเงินเพื่อการค้า และโอนเงินต่างธนาคารทั่วโลกแบบเรียลไทม์ RTGS (Real-Time Settlement Network) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยคาดว่า หากข้อตกลงต่างๆ ลงตัวก็น่าจะดำเนินการได้ภายใน 1 ปี

ทั้งนี้ NGSN ได้รับการออกแบบให้เป็นระบบปฏิบัติการที่สะดวก มีสมาชิกเป็นธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานชำระบัญชีจากทั่วโลก สามารถโอนเงินหลากหลายสกุลถึงกันได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านธนาคารตัวแทนหลายธนาคาร จึงสามารถลดระยะเวลาการชำระเงิน ลดค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนในการดำเนินงานในขณะที่มีความปลอดภัยสูง

นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของประเทศไทย และยังเป็นประเทศหลักที่นำเงินลงทุน FDI เข้ามาในประเทศไทย โดยในปี 2559 มียอดประมาณการค้าระหว่างไทย-จีน อยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท ดังนั้น ความร่วมมือกับ IBS ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการชำระเงินระหว่างประเทศไทย และจีน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านดิจิตอลแบงกิ้งของธนาคารก้าวหน้ายิ่งขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพของค่าเงินบาท และเงินหยวน อันจะส่งผลให้ปริมาณการค้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย

ด้าน มร.หลัว เฟิง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ International Business Settlement Limited (IBS) เปิดเผยว่า เทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing) และบล็อกเชน (Blockchain) เป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อสร้างเครือข่ายการชำระเงินข้ามประเทศแบบล้ำยุค (NGSN) ในรูปแบบการปฏิบัติการที่ไม่ซับซ้อน โดยมีผู้ร่วมใช้งาน คือ สถาบัน และหน่วยงานด้านการเงินทั่วโลก IBS รวมศูนย์ และเชื่อมโยงหน่วยงานชำระบัญชีในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้บริการชำระบัญชีทุกสกุลเงินแก่ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งสร้างช่องทางใหม่เพื่อการโอนเงินทุกสกุลข้ามประเทศแบบทันทีทันใด
กำลังโหลดความคิดเห็น