KTBST มองภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวตามตลาดในต่างประเทศ พร้อมให้กรอบ 1,516-1,530 จุด ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ในปีหน้า เฟดอาจปรับขึ้น ดบ.มากกว่าเดิม
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (15 ธ.ค.) คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดอื่นๆ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดเองขาดข่าวในเชิงบวกเข้ามาในวันนี้ มองกรอบดัชนีที่ 1,516-1,530 จุด
ผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นสำคัญส่งท้ายปีนี้ โดยที่คณะกรรมการ FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.50-0.75% ตามที่ตลาดคาด พร้อมทั้งปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยที่จะขึ้นปีหน้าเช่นกัน จาก 2 เป็น 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% และยังมีการปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐฯ ในปี 60 ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ย. จาก 2.0% เป็น 2.1%
ผลตอบรับของตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือ ไปในทางลบ แต่น้ำหนักที่ทำให้ดัชนี Dow Jones ลดลง มาจากการลดลงของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index ปรับตัวสูงขึ้น 1.1%) ทั้งนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นลบมาถึงตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในคืนที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) เป็นลบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้ตัวเลข stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะลดลงถึง 2.6 ล้านบาร์เรล ก็ตาม
ส่วนปัจจัยในประเทศ แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐจะเป็นตัวกระตุ้นให้แนวโน้มเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นที่จะมีการขยายตัวตามภาวะเศรษกิจ หากแต่จะเห็นว่า หุ้นในกลุ่มธนาคาร ยังถูกขายออกมาเป็นระยะๆ แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังขาดความมั่นใจในปัญหาหนี้ที่ไม่เกิดให้เกิดรายได้ (NPLs) และผลการดำเนินงานในอนาคตของหุ้นในกลุ่มนี้ และเป็นกลุ่มหนึ่งที่ถ่วงตลาด ขณะที่แรงซื้อที่ยังกระจุกตัวอยู่ในหุ้นบางตัว เช่น Domestic Play หรือหุ้นที่มีข่าวบวกนั้น ทำให้การสูงขึ้นของดัชนีฯ เป็นไปในกรอบที่จำกัด
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นในวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดอื่นๆ หลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดเองขาดข่าวในเชิงบวกเข้ามาในวันนี้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ความผันผวนของตลาดน่าจะสูงขึ้น เพราะนักลงทุนจะเริ่มไม่แน่ใจในทิศทางตลาดว่าจะไปในทางใด นักลงทุนอาจเลือกที่จะรอดูทิศทางตลาดก่อน หรือรอซื้อในจังหวะที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมา สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ CPALL, UNIQ, ILINK, MC, CHO