อี ฟอร์ แอล เอม ส่งซิกผลงานไตรมาส 4 ปี 59 ฟื้น คาดกวาดรายได้กว่า 900 ล้านบาท อานิสงส์ยอดขายเครื่องสำอาง-เครื่องมือการแพทย์ โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ด้านบอสใหญ่ “ธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬรักข์” พร้อมส่งเครื่องสำอาง “SNAIL 8” ผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทากไทย บุกตลาดเต็มเหนี่ยว มั่นใจการผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/2559 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีมากขึ้นในช่วงท้ายปี โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายเครื่องสำอางคอสเมติก ที่บริษัทฯ เร่งการทำโปรโมชั่นออกสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขาย ขณะที่ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ก็มีสัญญาณการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ได้รับอานิสงส์จากมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“กลุ่ม EFORL มีสินค้าเครื่องสำอางคือ SNAIL 8 ผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทากไทย สำหรับบำรุงผิวลดเลือนริ้วรอย ประสิทธิภาพสูง เป็นดาวเด่น ซึ่งตอนนี้ในส่วนของ SNAIL 8 เรารุกเต็มที่ มีทั้งการโฆษณาทางทีวี ไปจนถึงสื่อบน BTS และ MRT ทำให้ยอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ทั้ง SNAIL8 และ “วุฒิศักดิ์” ยังได้มีการจัดชุดกิ๊ฟเซ็ตลดราคาสุดคุ้มในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ ทาง “วุฒิศักดิ์” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EFORL จะเดินทางไปรับรางวัล “Asian famous brand award” ที่เกาะมาเก๊า แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรางวัลนี้เป็นการรับรอง และตอกย้ำว่า แบรนด์วุฒิศักดิ์ มีชื่อเสียง คุณภาพชั้นนำ หนุนบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต” นายธีรวุทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจโดยหันมาทำการตลาดในเชิงรุกเพื่อผลักดันสินค้าในกลุ่ม Cosmetic เข้าสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการทำ Make up Surgery การทำ Beauty Center รวมถึงการปรับโฉมสาขาใหม่ เพื่อให้บริการด้านความสวยความงามแบบครบวงจร
นายธีรวุทธิ์ มั่นใจว่า ยอดขายในช่วงไตรมาส 4/59 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/59 ที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 856 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ทำให้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 ปรับตัวลดลงกว่า 41 ล้านบาท หรือ 5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/59 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ภาพรวมของธุรกิจความงามมีอัตราการเติบโตที่ลดลงเป็นครั้งแรก เนื่องจากลูกค้ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายกำลังซื้อลดลง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเครื่องสำอางยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี ทำให้บริษัทฯ ผลักดันสินค้า Cosmetic เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม