“พลัสพร็อพเพอร์ตี้” เผยผลสำรวจตลาดคอนโดฯ พบซัปพลาย Luxury คอนโดระดับราคา2แสนบาทต่อ ตร.ม.ขึ้นไป ยังเหลือขายในตลาด 22 โครงการ เหตุลูกค้าตลาดล่างกำลังซื้อตก ผู้ประกอบการหันพัฒนาโครงการจับลูกค้าตลาดบน พร้อมระบุราคาขาย Luxury คอนโด ปรับตัวสวนทางซัปพลาย หลังพบข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ราคาขายในปัจจุบันสูงขึ้นกว่า 30%
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลของฝ่ายวิจัย พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน โครงการคอนโดมิเนียม Luxury ซึ่งมีระดับราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ยังคงมีซัปพลายเหลือขายในตลาด จำนวน 22 โครงการ ส่วนใหญ่พบในโซนศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้แก่ โซนสุขุมวิทชั้นใน 11 โครงการ คิดเป็น 50% ของจำนวนซัปพลายทั้งหมด โซนเพลินจิต-ชิดลม 4 โครงการ คิดเป็น 18% และโซนสีลม-สาทร 6 โครงการ จำนวน 27% ส่วนในโซนริมแม่น้ำ มีเพียง 1 โครงการ หรือประมาณ 4% ของซัปพลายในตลาด
ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการประเภท Luxury นี้ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน โครงการระดับกลาง และระดับล่าง ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว สวนทางกับโครงการระดับบนที่เติบโตได้ดีสามารถดูดซับได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทำเลของโครงการส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่ศักยภาพใจกลางเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีการบริหารจัดการ และดูแลรักษาที่ดี อีกทั้งยังอยู่ใกล้เคียงกับแลนด์มาร์กสำคัญๆ ในกรุงเทพฯ จึงทำให้ซัปพลายใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการวิเคราะห์ข้อมูล 5 ปีย้อนหลัง พบว่า ราคาของโครงการประเภท Luxury มีราคาขายในปัจจุบันขยับขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 30% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการจากผู้พัฒนารายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาตลาดระดับบน นอกจากนี้ หากพิจารณาในส่วนของการปรับตัวของราคาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว หรือกำลังจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่เร็วๆ นี้ พบว่า มีโครงการที่มีราคาเปลี่ยนแปลงสูงสุด ได้แก่ เดอะ สุโขทัย เรซิเด้นท์เซส ซึ่งมีราคาปรับตัวขึ้นจากวันที่เปิดขาย 75%, โครงการโนเบิล เพลินจิต มีราคาขายปรับตัวขึ้น 67%, โครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ราคาปรับขึ้น 61%, โครงการเดอะ เทอร์ทีไนน์ ราคาสูงขึ้น 45% และโครงการ 185 ราชดำริ ราคาสูงขึ้น 40%, ขณะที่โครงการมาร์ค สุขุมวิท ปรับตัวขึ้น 40%
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียม Luxury ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะมีความพิเศษเฉพาะตัว ทั้งดีไซน์ที่มีความหรูหรา และเป็นสากล ใช้วัสดุอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ และนำเข้าจากต่างประเทศ และมีการรับประกัน รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมากกว่าโครงการทั่วไป พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น สระว่ายน้ำ จากุชชี่ ฟิตเนสวิว 360 องศา ลานจอดรถอัตโนมัติ สกายเลาจ์ ห้องชมภาพยนตร์ โซนสัตว์เลี้ยง สนามเด็กเล่น บริการรถลีมูซีน และบางโครงการยังมีพื้นที่จอดรถที่สามารถรองรับได้เกิน 100% มีสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า”
นอกจากนี้ โครงการคอนโดมิเนียม Luxury ส่วนใหญ่ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง หรือการดึงความร้อนจากคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศไปยังระบบทำน้ำอุ่น เป็นต้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมใส่ใจสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดพลังงาน พร้อมเอาใจใส่ในการให้บริการ ซึ่งโครงการประเภท Luxury ในอนาคตจะต้องให้ความใส่ใจในสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น โดยอุปสงค์ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างชาติ ที่มาจับจองไว้เพื่อการอยู่อาศัย และเล็งถึงโอกาสของมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต จากข้อมูลข้างต้นพบว่า ภายใน 5 ปี ราคาขายเพิ่มขึ้นถึง 30%