xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” ไม่ท้อเดินหน้าบุกโรดโชว์จีน 7-12 ธ.ค.นี้ ดึงลงทุนอุตฯ เป้าหมาย ปลุกภวังค์ภาคเอกชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
รองนายกฯ “สมคิด” นำทีม ศก.โรดโชว์จีน 7-12 ธ.ค.นี้ เจาะ 3 หัวเมืองใหญ่ หวังดึงนักลงทุนเข้ามาในไทยเพิ่ม เล็งกลุ่มอุตฯ เป้าหมายหลักของรัฐบาล มั่นใจไทยเดินมาถูกทางแล้ว ด้านอาลีบาบาพร้อมหนุนสู่โลกดิจิตอลตามนโยบาย 4.0 และดิจิตอลอีโคโนมีเพื่อสังคม

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 7-12 ธันวาคม 2559 เป็นหัวหน้าคณะนำหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปขยายความร่วมมือทางการค้า และการลงทุน รวมทั้งจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน และงานสัมมนาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนใน 3 เมืองใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ เมืองเซินเจิ้น เมืองหางโจว และกรุงปักกิ่ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ฝ่ายไทย และนายแจ็ค หม่า ประธาน บริษัท อาลีบาบา ได้มีการพบปะหารือที่จะร่วมกันขยายการค้านั้น โดยช่วงเช้าวันนี้ (8 ธ.ค.) จะมีการหารือความร่วมมือระหว่างฝ่ายไทย และบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป ในการส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีไทยทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ จนกระทั่งสามารถส่งออกไปแข่งขันในตลาดโลกได้ว่า กรอบความร่วมมือครั้งนี้ทางบริษัทอาลีบาบา พร้อมให้การสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงเอสเอ็มอี ในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ พร้อมทั้งจะให้การสนับสนุนพัฒนาบุคลากรสู่โลกดิจิตอลตามนโยบายประเทศไทย 4.0 และดิจิตอลอีโคโนมีเพื่อสังคม โดยกรอบความร่วมมือมี 4 ด้าน ระยะเวลาการดำเนินการภายในปี 2560

สำหรับกรอบความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย ประกอบด้วย 1.การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเอสเอ็มอี และพัฒนา Thailand National e-commerce Platform แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม 1.กลุ่ม Starter กลุ่มชุมชนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ และไม่เคยทำการค้าแบบดิจิตอล 2.กลุ่ม Basic กลุ่มที่ทำธุรกิจเล็กๆ ภายในประเทศ 3.กลุ่ม Ready กลุ่มที่ทำธุรกิจภายในประเทศอย่างเข็มแข็งแล้ว แต่ไม่เคยส่งออก และ 4.กลุ่ม Expert กลุ่มที่มีความพร้อมสำหรับส่งออก ซึ่งจะได้รับการฝึกอบรมพัฒนาต่อยอดอี-คอมเมิร์ซ 30,000 ราย และคาดว่าจะสามารถทำการค้าบนออนไลน์ผ่าน platform ต่างๆ ได้ไม่น้อยกว่า 10,000 ราย

2.การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านดิจิตอล โดยตั้งเป้าจะมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมเทคนิคด้านดิจิตอลทั้งหมด 10,000 ราย โดยผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมเป้าหมายจะต้องสามารถสร้าง Digital Profession ที่สามารถเป็น Developer ได้จำนวน 1,000 ราย สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นที่ได้รับการพัฒนาสู่ตลาดจีน 100 แอปพลิเคชั่น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ 100 ราย จะได้รับการฝึกอบรมโดย Thailand Digital Academy ผ่านเทคโนโลยี Big Data และ Artificial Intelligence (AI) และสร้าง trainer ที่สามารถช่วยเอสเอ็มอีรายเล็กๆ ให้ขายออนไลน์ได้ 2,000 ราย

3.การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ในประเทศไทย โดยภายใน 1 ปี บริษัทอาลีบาบา และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด จะดำเนินการร่วมกัน โดยจะขยายระบบเตรียมการฝากส่งสินค้าในประเทศผ่าน Application Prompt Post ให้ใช้งานได้ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยจะทำการศึกษาระบบการจัดการคลังสินค้า และการให้บริการ Fulfillment สำหรับธุรกรรมอี-คอมเมิร์ซระหว่างประเทศของกลุ่มธุรกิจในเครืออาลีบาบา เพื่อนำมาปรับใช้กับการวางระบบงานคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) ของไปรษณีไทยด้วย

และ 4.การเชิญชวนบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป มาลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) พร้อมทั้งพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านดิจิตอลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Digital Hub and Digital Data Center) และความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำระดับโลก ตลอดจนผู้นำด้าน E-Commerce Platform ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

นายสมคิด กล่าวภายหลังลงนามเอ็มโอยูร่วมกับอาลีบาบาว่า ไทยไม่ได้ดึงกลุ่มอาลีบาบา มาลงทุน แต่จะสร้างระบบเทคโนโลยีไทยเข้มแข็ง และพัฒนาต่อยอด ซึ่งอาลีบาบา จะเป็นหุ้นส่วน พัฒนาสร้าง และพร้อมที่จะลงไปสู่การพัฒนาระดับรากหญ้า เพื่อเป็นผู้ผลิตค้าขายสร้างความมั่นคงไปข้างหน้า และการเชื่อมโยงทางการค้าได้แนะนำอาลีบาบา ให้ใช้กรอบภายใต้การค้าอาเซียน โดยอาลีบาบา เป็นบริษัทใหญ่ที่จะเข้ามาช่วยเหลือพัฒนาระบบเทคโนโลยีของไทยหลายด้านได้ดี และประธานแจ็คหม่า ก็เป็นบุคคลที่มีความต้องการที่จะช่วยเหลือประเทศที่ต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีอย่างมาก และหากอาลีบาบา สนใจลงทุนสามารถขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ หรือภายใต้กรอบการค้าต่างๆ

ด้านประธานอาลีบาบา กล่าวว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของทั้ง 2 ประเทศที่จะร่วมกันพัฒนาระบบการค้าระหว่างกันผ่านโครงการต่างๆ ถือเป็นพันธมิตรที่ดี และเพื่อให้กิจการของทั้ง 2 ฝ่ายเติบโตอย่างมั่นคง และอาลีบาบา ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือสนับสนุนภาคธุรกิจของไทยให้ไปได้ และไทยเองก็พร้อมที่ให้อาลีบาบา เข้ามาสนับสนุน โดยไทยไม่ได้ขาดเงินในการลงทุน โดยอาลีบาบา มองว่า อนาคตไทยน่าจะเป็นศูนย์เทคโลโนยีด้านต่างๆ ได้ ซึ่งอาลีบาบา จะช่วยเหลือ และเป็นที่ปรึกษาให้ไทยเต็มที่ แต่การที่ไทยจะก้าวอย่างเข้มแข็งได้ก็ขึ้นอยู่กับภาคเอกชนไทยจะต้องพัฒนาธุรกิจของตนเองด้วย

ทั้งนี้ นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้วยังกำหนดเข้าร่วมประชุมประจำปีของคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ณ กรุงปักกิ่ง โดยจะใช้โอกาสดังกล่าวเชิญชวนนักธุรกิจจีนให้เข้ามาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่อีอีซี รวมถึงจะนำคณะบีโอไอ หารือผู้ประกอบการรายใหญ่จากประเทศจีนไม่น้อยกว่า 10 บริษัท ที่แสดงความสนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และเป็นกิจการที่จัดอยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์ของอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ กิจการวิจัยทางด้านการแพทย์ กิจการผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์อื่นๆ กิจการผลิตเครื่องจักรอุปกรณ์อัตโนมัติ

โดยผู้ประกอบการที่หารือกับคณะครั้งนี้มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในรูปแบบของความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงสถาบันวิจัยต่างๆ ในไทย โดยเฉพาะกิจการด้านอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ซึ่งมีแผนจะร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ และโรงพยาบาลของไทย รวมถึงมีบางรายสนใจเข้ามาตั้งกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามชาติ เพื่อดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นกิจการตามเป้าหมายการดึงดูดการลงทุนของรัฐบาลอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น