รัฐบาลไฟเขียวหลักการ ร่าง พ.ร.บ.แบงก์ชาติ เพิ่มอำนาจกองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อเป็นกลไกรองรับปัญหาวิกฤตทางการเงินในอนาคต แม้ตอนนี้ภาวะ ศก.ไทยจะยังคงแข็งแกร่ง ธปท.ย้ำเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันไว้ล่วงหน้า
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบภาวะวิกฤตทางการเงินอันอาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ และระบบการเงิน รวมทั้งมีการเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินตามแผน แนวทาง และวิธีการที่ ครม.ได้อนุมัติ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า แม้จะมีการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวของกระทรวงการคลัง แต่ยืนยันว่าสถานะทางการเงินของประเทศไทยยังมีความแข็งแกร่ง แต่สาเหตุที่ต้องผลักดันกฎหมายนี้ออกมา เนื่องจากต้องการให้เกิดความปลอดภัยว่า เมื่อหากเกิดเหตุวิกฤตทางการเงิน เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง ในปี 2540 ขึ้นอีกในอนาคต ประเทศไทยจะมีกลไกรองรับในการแก้ปัญหานี้ได้
โดยหลักการของกฎหมายนี้จะใช้กลไกของกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นหลัก คือ จะให้กองทุนฟื้นฟูฯ มีอำนาจในการเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาช่วยเหลือสถาบันการเงินที่กำลังประสบภาวะวิกฤต หรือได้ประสบภาวะวิกฤตแล้ว เช่น ให้กู้ยืมเงินโดยมีการตกลงรายละเอียดในเรื่องของหลักประกัน, การให้กองทุนฟื้นฟูฯ เข้าถือหุ้นสถาบันการเงินที่เกิดวิกฤต, การแปลงหนี้เป็นทุน หรือการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอื่นๆ
“การเรียกเก็บเงินในอัตราเท่าใดนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ จะเป็นผู้พิจารณาถึงความวิกฤตที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินนั้นๆ ว่า ควรจะเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงินอื่นๆ จำนวนเท่าใด เพื่อมาช่วยเหลือเยียวยาในส่วนนี้ แต่หากการเรียกเก็บเงินในส่วนนี้ยังไม่เพียงพอแก้ไขปัญหาได้ รัฐบาลจะต้องมีส่วนมาช่วยดูแลด้วย”
พร้อมกันนี้ ยังระบุว่า การอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยนี้เป็นการป้องกันภาวะวิกฤตที่จะเกิดกับสถาบันการเงินในอนาคต ไม่ว่าจะก่อนเกิดวิกฤต กำลังเกิดวิกฤต หรือหลังเกิดวิกฤต ทำให้สามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาได้ และขอให้อย่าตีความในแง่ลบว่า การผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ออกมา เพราะประเทศไทยกำลังประสบอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงิน ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่นอน เพราะขณะนี้สถานะทางการเงินของประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง
นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การแก้ไข พ.ร.บ. ธปท.ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้มีกลไกดูแลแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจการเงินโดยรวม ซึ่งจะทำให้ระบบการเงินไทยมีกระบวนการรองรับในเรื่องนี้อย่างครบถ้วน โดยเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันไว้ล่วงหน้าในภาวะที่สถาบันการเงินไทยขณะนี้มีความเข้มแข็ง และมีเสถียรภาพดี
ทั้งนี้ กลไก และวิธีการนี้สอดคล้องกับหลักการสากลที่หลายประเทศได้มีการปรับกรอบกฎหมายให้รองรับการแก้ไขปัญหาภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยมีการจัดตั้งกองทุนเป็นเครื่องมือดำเนินการในกรณีของไทยนั้น มีกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งคล้ายกับกองทุนดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ ในประเด็นความเสียหายนั้น ร่างกฎหมายใหม่นี้ได้ให้สถาบันการเงินในระบบเป็นผู้รับภาระความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น