ไพลอน เผยแนวโน้มผลงานปี 60 ฟื้นตัวชัดจากทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้างฐานรากที่กำลังฟื้นตัว และจะเติบโตได้ในปีหน้า จากงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่เด่นชัดขึ้นอย่างมากจากทั้งงานประมูลโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลือง ประกอบกับโอกาสที่รถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนในอนาคต ลงทุนมากขึ้น พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เสริมรายได้ และผลประกอบการ
ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรับเหมางานฐานรากในปี 2560 จะเติบโตขึ้นมาก จากงานประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม-สายสีเหลือง และสายสีชมพู รวมทั้งงานภาคเอกชน คาดว่างานคอนโดฯ จะเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานที่ทำอยู่ เช่น โครงการสามย่านมิตรทาวน์ ของบริษัทโกลเด้นท์แลนด์, สุวรรณภูมิ เฟส 2, รถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น งานอาคารโรงพยาบาล 2 แห่ง และงานคอนโดมิเนียมต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทางที่จะเปิดประมูลในช่วงไตรมาส 4/2559 จนถึงไตรมาส 1/2560 ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจะทำให้กำลังการผลิตของงานฐานรากถูกดึงออกไปใช้ และลดการแข่งขันด้านราคาลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 และเนื่องด้วยความต้องการงานฐานรากที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโครงการลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้เริ่มเห็นผู้รับเหมาฐานรากบางรายมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม และด้วยผู้ประกอบการฐานรากรายใหญ่ๆในอุตสาหกรรมที่มีเพียง 4-5 รายเท่านั้น จึงคาดว่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมฐานรากค่อยๆ ฟื้นตัว และมีการแข่งขันลดลง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนที่ดีไปยังปี 2560 ต่อไป
“อุตสาหกรรมฐานรากเริ่มฟื้นตัวแล้วในช่วงไตรมาส 4/59 จากโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่เริ่มก่อสร้าง และงานประมูลขนาดใหญ่ที่ทยอยออกมา ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนในการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า ประกอบกับบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าไปรองรับโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้น และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยบริษัทฯเตรียมแผนการเข้าร่วมประมูลงานของทั้งภาครัฐ และเอกชนมูลค่าประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท และคาดหวังว่าจะได้รับงานประมาณ 25% เพื่อเสริมรายได้ในอนาคต และสนับสนุนภาพรวมของธุรกิจให้เติบโตอีกทางหนึ่ง” ดร.ชเนศวร์ กล่าว
ปัจจุบัน งานในมือ (Backlog) ของบริษัทเริ่มฟื้นตัวจากการขับเคลื่อนของงานภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ ล่าสุด อยู่ที่ 550 ล้านบาท งานที่เริ่มเข้ามาเป็นงานรับเหมาจากภาครัฐ เช่น งานสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และงานรถไฟรางคู่ โดยปริมาณงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่เริ่มมีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ทิศทางของผลการดำเนินงาน และอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มจะฟื้นตัวตามอุตสาหกรรม และจะฟื้นตัวเด่นชัดในปี 2560