“ทีดีอาร์ไอ” เตือนปีหน้าระวังความผันผวนของตลาดหุ้น พร้อมเชื่อว่ากองทุนต่างชาติ และนักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจการลงทุนในอาเซียน เนื่องจากพื้นฐาน ศก.ยังมีความแข็งแกร่ง และอัตราการขยายตัวของ ศก.ในภูมิภาคนี้ยังสูง “ตลท.” ย้ำพื้นฐาน ศก.ไทยที่แข็งแกร่ง จะสามารถรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นได้
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ตลาดทุนโลก และตลาดทุนไทยในปี 2560 ยังคงมีความผันผวน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะปฏิบัติได้จริงตามการหาเสียงหรือไม่ และความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักร กับสหภาพยุโรป (อียู) จากผลการลงประชามติที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากอียู (Brexit) รวมทั้งการเลือกตั้งในประเทศสหภาพยุโรปอีกหลายประเทศ ซึ่งกระแสข่าวที่ออกมาสร้างความผันผวน และทำให้นักลงทุนต้องตื่นตัวตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะกระทบทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากประเทศไทย และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กลับไปยังสหรัฐฯ ดังนั้น ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่ากองทุนต่างชาติ และนักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสนใจการลงทุนในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจยังมีความแข็งแกร่ง และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ยังสูงถึงร้อยละ 5 ซึ่งประเทศไทยก็น่าจะได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2560 มีโอกาสขยายตัวร้อยละ 3.2 จากร้อยละ 3 ในปีนี้ โดยยังมีหลายปัจจัยบวก ทั้งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวไทยยังเติบโตได้ดี และเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์การส่งออกปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 0-1
ด้าน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งหากเฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยจริงในอัตราที่ตลาดคาดการณ์ คาดว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นคงมีไม่มาก เพราะที่ผ่านมา นักลงทุนรับทราบข่าวมามากแล้ว
นางเกศรา กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นโลก และตลาดหุ้นไทยในปี 2560 อยู่ภายใต้ความผันผวน เนื่องจากปีหน้าเป็นปีของการเปลี่ยนแปลง ทั้งนโยบายการค้าของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เน้นการปกป้องสินค้าในประเทศมากกว่าการเปิดเสรีการค้า ซึ่งคงมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแน่นอน แต่คาดว่าคงไม่มากนัก เนื่องจากที่ผ่านมา ประเทศไทยลดสัดส่วนพึ่งพิงการส่งออก และหันมาเน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น ประกอบกับการค้าระหว่างไทย กับกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ยังขยายตัวได้ดีมาทดแทนตลาดสหรัฐฯ จึงเชื่อว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทยจะสามารถรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าได้