บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกินและเม็ดเงิน LTF RMF หนุนดัชนีปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,510-1,520 จุด แนะลงทุนหุ้นได้อานิสงส์ราคายางพารา และเก็งกำไรหุ้นที่นำเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ ด้านราคาทองคำยังเจอแรงกดดันจากเฟด ที่มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาต่อเนื่องโดยเฉพาะแอ็กชั่นแพลนของกระทรวงคมนาคมที่จะเร่งลงทุน 20 โครงการ วงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท โดยคาดเสนอเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เข้า ครม.ในเดือน ม.ค.2560 และแรงซื้อกองทุน LTF RMF ในช่วงปลายปี ประกอบกับปัจจัยบวกจากต่างประเทศในเรื่องที่โพลคาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขยายเวลาการใช้ QE อีก 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนออกไปอีก 3-6 เดือน (เดิมสิ้นสุด มี.ค.2017)
ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ต.ค. พลิกเป็นลดลง 4.2% ขณะที่การส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 (ม.ค.-ต.ค.2559) หดตัว 1% การนำเข้า หดตัว 5.9% ส่งผลให้เกินดุล 1.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับการ Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค. เนื่องจากตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และ Foreign มี Net Sell สะสมตั้งแต่เดือน ต.ค. ประมาณ 50,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 1 ธ.ค. FOMC จะรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ (Beige Book) และสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ กลุ่มประเทศ EU และจีน
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และเม็ดเงินจาก LTF RMF ที่จะเข้ามาในช่วงท้ายปี อย่างไรก็ตาม ความกังวล Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ยังคงกดดันทิศทางดัชนี
ดังนั้น ประเมินว่าดัชนี SET Index จะเคลื่อนไหวในรูปซิกแซกขาขึ้น อาจมีมีสลับพักตัวบ้างในบางช่วง เพื่อทดสอบแนวต้าน 1,510-1,520 จุด ทั้งนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบรายตัว ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากราคายางพาราที่ปรับตัวขึ้นในรอบ 1 ปี โดยแนะนำ STA และ TRUBB และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ ได้แก่ GL, THAI และ BJC
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 25 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 2.07% ปิดที่ระดับ 1,183 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จากมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่มีน้ำหนักมากขึ้นจากรายงานการประชุมเฟด ที่ระบุว่า กรรมการเฟดสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.
ทั้งนี้ ผลสำรวจของ CME Group Fed Watch ระบุนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในช่วงต้นสัปดาห์ หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไรค่าเงิน แต่แรงกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค.ยังเป็นแรงกดดันอยู่
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกนั้น ราคาทองปิดตัวเป็นแท่งเทียนสัญญาณบวกผ่านยืนแนวต้านเส้น 5 วัน หลังเกิดแท่งเทียนสัญญาณฟื้นตัว SPINING BOTTOM ถือเป็นสัญญาณบวกต่อเนื่อง ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI ที่มีภาวะ OVERSOLD และสัญญาณ BULLISH DIVERGENCE เป็นสัญญาณบวกเสริม ทำให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,175-1,170 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,215-1,220 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์