พี.ซี.เอส.แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ หลัง “วรรณา รุ่งโรจน์กิติยศ” โอนหุ้นส่วนใหญ่ที่ถือเฉือนให้ “ธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ” เข้ามาถือหุ้น 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08%
นายประสงค์ อดุลยรัตนนุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.ซี.เอส.แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PCSGH แจ้งว่า เนื่องจาก นางวรรณา เรามานะชัย ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท PCSGH ได้ทำการขายหุ้น PCSGH ผ่านตลาดหลักทรัพย์ให้ นายธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ จำนวน 230 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 4.50 บาท คิดเป็น 15.08% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงหักด้วยหุ้นซื้อคืน ซึ่งเท่ากับ 1,525 ล้านหุ้น นั้น
ดังนั้น นายธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ เป็นบุตรของ นางวรรณา เรามานะชัย และนายศิริพงษ์ รุ่งโรจน์กิติยศ ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว มีผลให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลงดังนี้ นายอังกฤษ รุ่งโรจน์กิติยศ 230,457,100 หุ้น หรือ 15.11% นายพลเอก รุ่งโรจน์กิติยศ 230,000,010 หุ้น หรือ 15.08% นายศิริพงษ์ รุ่งโรจน์กิติยศ 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08% นายบัลลังก์ รุ่งโรจน์กิติยศ 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08% นางวรรณา รุ่งโรจน์กิติยศ 233,000,000 หุ้น หรือ 15.27% และภายหลังการซื้อขายหุ้นดังกล่าวส่งผลให้ นางวรรณา รุ่งโรจน์กิติยศ เหลือหุ้นเพียง 3,000,000 หุ้น หรือ 0.20% ส่วนนายธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ เข้ามาถือหุ้น 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08%
นายประสงค์ อดุลยรัตนนุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.ซี.เอส.แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PCSGH แจ้งว่า เนื่องจาก นางวรรณา เรามานะชัย ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท PCSGH ได้ทำการขายหุ้น PCSGH ผ่านตลาดหลักทรัพย์ให้ นายธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ จำนวน 230 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 4.50 บาท คิดเป็น 15.08% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงหักด้วยหุ้นซื้อคืน ซึ่งเท่ากับ 1,525 ล้านหุ้น นั้น
ดังนั้น นายธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ เป็นบุตรของ นางวรรณา เรามานะชัย และนายศิริพงษ์ รุ่งโรจน์กิติยศ ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว มีผลให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลงดังนี้ นายอังกฤษ รุ่งโรจน์กิติยศ 230,457,100 หุ้น หรือ 15.11% นายพลเอก รุ่งโรจน์กิติยศ 230,000,010 หุ้น หรือ 15.08% นายศิริพงษ์ รุ่งโรจน์กิติยศ 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08% นายบัลลังก์ รุ่งโรจน์กิติยศ 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08% นางวรรณา รุ่งโรจน์กิติยศ 233,000,000 หุ้น หรือ 15.27% และภายหลังการซื้อขายหุ้นดังกล่าวส่งผลให้ นางวรรณา รุ่งโรจน์กิติยศ เหลือหุ้นเพียง 3,000,000 หุ้น หรือ 0.20% ส่วนนายธิเบต รุ่งโรจน์กิติยศ เข้ามาถือหุ้น 230,000,000 หุ้น หรือ 15.08%