ASP คาดรายได้ปี 60 เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ ตามปริมาณวอลุ่มเทรดที่เพิ่มขึ้น แย้มดีลงาน IB อยู่ในมือเพียบ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 60 จะดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของ บจ. ซึ่งมีแนวโน้มฟื้นตัวไปในทางที่ดี
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) คาดว่า รายได้ในปี 60 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ คาดรายได้จะมากกว่าปี 58 ที่มีรายได้ 2.1 พันล้านบาท โดยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage) ฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งตลาดหุ้นไทยยังได้รับความสนใจในการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีนี้มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีความหลากหลายของธุรกิจ
ทั้งนี้ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 60 จะดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวไปในทางที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มปิโตรเคมี น้ำมัน และสื่อสาร ที่มองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ค้าปลีกเองก็เชื่อว่าจะดีขึ้นในปี 60 เนื่องจากช่วงปลายปีนี้คงจะไม่ดีนัก
สำหรับปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องติดตาม คือ การลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐขนาดใหญ่ เนื่องจากจะช่วยการเติบของประเทศในระยะยาว ส่วนของการไหลออกของเงินลงทุนต่างชาติ มองว่าคงมีไม่มากแล้ว เนื่องจากเงินที่ลงทุนเหลือไม่มาก และในช่วงที่ผ่านมา ก็ออกไปค่อนข้างมากแล้ว
“ปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ เรื่องของในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเรามองว่า รัฐบาลควรมีเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก เพื่อที่จะผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้มากกว่านี้ ซึ่งเราเชื่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก แต่ต้องอาศัยการลงทุนจากภาครัฐก่อน เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ปีหน้าหลายๆ อย่างคงฟื้นตัวขึ้น” นายก้องเกียรติ กล่าว
ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือทั้งสิ้น 54 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาการกระจายหุ้น และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 25 ดีล และมีแผนทยอยเข้าจดทะเบียน 5-6 ดีล และงานที่ปรึกษาอื่นๆ เช่น การซื้อกิจการ การร่วมทุน การออกหุ้นกู้ และการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) อีก 29 ดีล จะทยอยออกตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 55% การลงทุน 20% ธุรกิจจัดการกองทุน 13% และธุรกิจวาณิชธนกิจ และที่ปรึกษา 12%
นายก้องเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัปอีก 1 แห่ง โดยจะเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับลอจิสติกส์ เนื่องจากมองว่าระยะยาวยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะปัจจุบัน การค้าขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะต้องมีการใช้การขนส่งที่เพิ่มขึ้น