บอร์ด “อควา คอร์เปอร์เรชั่น” ไฟเขียวออก และเสนอขายตั๋วเงินระยะสั้นวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท เสนอขายทั่้วไป หรือนักลงทุนสถาบัน เพื่อเสริมสภาพคล่อง พร้อมแจ้งงบไตรมาส 3 กำไรหด 36% ไม่มีกำไรจากรายการพิเศษ
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร รักษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควา คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 14 พ.ย.59 ว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทออก และเสนอขายตั๋วแลกเงินระยะสั้นในวงเงินรวมไม่เกิน 800 ล้านบาท ซึ่งให้รวมถึงตั๋วแลกเงินระยะสั้นที่บริษัทพิจารณาออก และเสนอขายไปบางส่วนแล้ว มูลค่า 300 ล้านบาท โดยตั๋วแต่ละฉบับมีอายุไม่เกิน 270 วัน
ทั้งนี้ จะเสนอขายต่อผู้ลงทุนในรูปแบบเสนอขายกรณีทั่วไป หรือกรณีวงจำกัดประเภทผู้ลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ เพื่อเสริมสภาพคล่องด้านการเงินต่อโอกาสการลงทุนในอนาคตของบริษัท
พร้อมกันนี้ AQUA แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 46.69 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 69.61 ล้านบาท หรือลดลง 36.09% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมลดลง 15.46 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสนี้ไม่มีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมในอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2559 กลุ่มบริษัทเลือกใช้วิธีการประเมินราคายุติธรรมของคลังสินค้า และบันทึกส่วนต่างกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรมม จากการประเมินรายไตรมาสเป็นประจำปีแทน จึงทำให้ไตรมาส 3 ปีนี้ไม่มีรายได้จากส่วนนี้ อีกทั้งมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง ขณะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการจัดทำงบการเงินของบริษัทย่อย
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร รักษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควา คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 14 พ.ย.59 ว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทออก และเสนอขายตั๋วแลกเงินระยะสั้นในวงเงินรวมไม่เกิน 800 ล้านบาท ซึ่งให้รวมถึงตั๋วแลกเงินระยะสั้นที่บริษัทพิจารณาออก และเสนอขายไปบางส่วนแล้ว มูลค่า 300 ล้านบาท โดยตั๋วแต่ละฉบับมีอายุไม่เกิน 270 วัน
ทั้งนี้ จะเสนอขายต่อผู้ลงทุนในรูปแบบเสนอขายกรณีทั่วไป หรือกรณีวงจำกัดประเภทผู้ลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ เพื่อเสริมสภาพคล่องด้านการเงินต่อโอกาสการลงทุนในอนาคตของบริษัท
พร้อมกันนี้ AQUA แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 46.69 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 69.61 ล้านบาท หรือลดลง 36.09% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมลดลง 15.46 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสนี้ไม่มีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมในอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2559 กลุ่มบริษัทเลือกใช้วิธีการประเมินราคายุติธรรมของคลังสินค้า และบันทึกส่วนต่างกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรมม จากการประเมินรายไตรมาสเป็นประจำปีแทน จึงทำให้ไตรมาส 3 ปีนี้ไม่มีรายได้จากส่วนนี้ อีกทั้งมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง ขณะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการจัดทำงบการเงินของบริษัทย่อย