โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัว โดยมีแรงกดดันจาก Fund Flow ที่ไหลออกทั่วทั้งเอเชีย และถือเป็นแรงกดดัน SET ด้วย เนื่องจากคาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายของทรัมป์ และเฟด ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ดบ.ในอนาคต ทำให้เม็ดเงินถูกโยกกลับเข้าสหรัฐฯ ขณะที่ Bond yield ของไทยปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในรอบ 1 ปี แสดงให้เห็นว่า ต่างชาติได้ขายพันธบัตรค่อนข้างมากด้วย
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดว่าจะอ่อนตัวลง แต่ไม่มาก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปมากพอควรแล้ว แต่ก็ยังได้รับแรงกดดันจาก Fund Flow ไหลออก
ทั้งนี้ เห็นได้จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามากดดัน ซึ่งได้ขายทั้งในตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้น โดยไม่ได้ขายแต่เฉพาะในประเทศ แต่เป็นการขายทั่วทั้งเอเชีย เนื่องจากคาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทำให้เม็ดเงินโยกย้ายไหลกลับเข้าสหรัฐฯ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของไทยปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในรอบ 1 ปี มาอยู่ที่ 2.6% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ต่างชาติได้ขายพันธบัตรค่อนข้างมากด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงเช้านี้ในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งต่างก็รอดูการประชุมนอกรอบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับรัสเซีย ในวันศุกร์นี้ก่อน (18 พ.ย.) รวมไปถึงตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบ พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485 จุด