บมจ.ไทยออยล์ ผลวงานไตรมาส 3 พลิกฟื้นจากขาดทุนเกือบ 2.3 พันล้านบาท เป็นกำไร 3 พันล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนกำไรสุทธิรวม 1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วน 83%
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ว่า บริษัทกำไรสุทธิ 2,941.26 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.44 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2,294.29 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 1.12 บาท
ขณะที่งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 15,419.86 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 7.56 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 8,432.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 4.13 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6,987.58 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82.87%
โดย Q3/59 เครือไทยออยล์ มีรายได้จากการขาย 68,476 ล้านบาท ลดลงปีก่อน 3,892 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่ม และปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมลดลง โดยใน Q3/59 ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินยังคงถูกกดดันจากอุปทานส่วนเกินต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซล และราคาน้ำมันเตา ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านตลาดอะโรเมติกส์ ส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่เร่งดำเนินการผลิตก่อนการประชุม G20 ณ ประเทศจีน
สำหรับราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานใน Q3/59 ยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ตึงตัว ทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ส่วนต่างราคายางมะตอยใน Q3/59 ปรับลดลงจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนตัว ด้านราคา LAB และส่วนต่างราคาสาร LAB ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากอุปสงค์ในแถบเอเชียอ่อนตัวในช่วงฤดูมรสุม ทำให้ใน Q3/59 เครือไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน อยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจาก Q2/59
ทั้งนี้ จากระดับราคาน้ำมันดิบใน Q3/59 ที่ปรับตัวลดลงจากปลาย Q2/59 ทำให้เครือไทยออยล์ มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 532 ล้านบาท และมีรายการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินค้าคงเหลือให้เท่ามูลค่าสุทธิที่จะได้รับจำนวน 93 ล้านบาท เมื่อรวมกับผลกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 206 ล้านบาท เครือไทยออยล์มี EBITDA 5,392 ล้านบาท ลดลง 5,153 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากใน Q2/59 เครือไทยออยล์รับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ จากค่าเงินบาท ณ สิ้นไตรมาสที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากสิ้น Q2/59 ทำให้เครือไทยออยล์ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 409 ล้านบาท เมื่อหักต้นทุนทางการเงิน 879 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 451 ล้านบาท ส่งผลให้เครือไทยออยล์ มีกำไรสุทธิ 2,941 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.44 บาทต่อหุ้น ลดลง 4,812 ล้านบาท จาก Q2/59
เมื่อเทียบผลการดำเนินงาน Q3/59 กับ Q3/58 เครือไทยออยล์มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลง และมีรายได้จากการขายลดลง 6,245 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง โดยเครือไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 1.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสาเหตุหลักมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน และส่วนต่างราคายางมะตอยที่ปรับตัวลดลง แต่ราคาน้ำมันดิบในไตรมาสนี้ปรับลดลงไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้เครือไทยออยล์ มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดลง 4,122 ล้านบาท และมีรายการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินค้าคงเหลือให้เท่ามูลค่าสุทธิที่จะได้รับลดลง 108 ล้านบาท
นอกจากนี้ ใน Q3/59 เครือไทยออยล์มีการรับรู้ผลการดำเนินงานของ LABIX และ TOP SPP ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ Q1 และ Q2 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เครือไทยออยล์ รับรู้ EBITDA เพิ่มขึ้น 2,461 ล้านบาท แม้ว่าจะมีกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิลดลง 341 ล้านบาท รวมทั้ง Q3/59 เครือไทยออยล์ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิเพิ่มขึ้น 3,087 ล้านบาท เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิใน Q3/58 เมื่อหักต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว ใน Q3/59 เครือไทยออยล์มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5,235 ล้านบาทจาก Q3/58
ด้านผลการดำเนินงาน 9M/59 กับ 9M/58 เครือไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 197,635 ล้านบาท ลดลง 27,488 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับลดลงมากตามระดับราคาน้ำมันดิบ โดยเครือไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 7.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป และส่วนต่างราคายางมะตอยที่ปรับลดลงมาก แม้ว่า TPX จะมีผลการดำเนินงานดีขึ้น อีกทั้งยังรวม LABIX ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559
จากระดับราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2559 ทำให้ใน 9M/59 เครือไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 2,627 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 3,693 ล้านบาทใน 9M/58 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2557 ถึงปี 2558 อีกทั้งยังมีการกลับรายการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินค้าคงเหลือให้เท่ามูลค่าสุทธิที่จะได้รับ 799 ล้านบาท ลดลง 1,452 ล้านบาทจาก 9M/58
เมื่อรวมผลกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 87 ล้านบาท ซึ่งลดลง 349 ล้านบาท ทำให้ใน 9M/59 เครือไทยออยล์มี EBITDA 22,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,446 ล้านบาท หากรวมกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,317 ล้านบาท และหักต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว เครือไทยออยล์จะมีกำไรสุทธิ 15,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,988 ล้านบาทจาก 9M/58