ได้เวลาส่งต่อตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการใหญ่” ของธนาคารกรุงไทย สำหรับ “วรภัค ธันยาวงษ์” ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 7 พ.ย.นี้ โดยมี “ผยง ศรีวณิช” เป็นผู้รับช่วงตำแหน่งต่อ ซึ่งในช่วง 4 ปีในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของกรุงไทยนั้น มีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย อย่างที่เจ้าตัวได้กล่าวไว้ว่า “ทำงานแบงก์มา 27 ปี แต่ 4 ปีที่ผ่านมา สนุก ตื่นเต้น และท้าทายมากที่สุด”
- สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปใน 4 ปีที่ผ่านมา
ผมคิดว่า ประสบความสำเร็จเกินคาดใน 2 เรื่องหลักๆ ที่ทำก็คือ เรื่องของ HR (Human Resource) ที่ได้ปรับให้มีความยุติธรรมมากขึ้น ใช้หลัก “ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย” จัดการเรื่องผลตอบแทน-ความก้าวหน้าให้สมเหตุสมผล ระหว่างคนที่ไม่มีผลงาน กับคนที่มีผลงาน กระจายงานอย่างทั่วถึง นั่นก็คือ การดูแลพนักงานให้อยู่ดีมีสุข เป็นแรงขับเคลื่อนขององค์กรต่อไป โดยรวมๆ ก็คือ เปลี่ยนวิสัยทัศน์จากเดิมที่ว่า “ธนาคารสะดวก ชีวิตสบาย เน้นการบริหาร” มาเป็น “กรุงไทย ก้าวไกลไปกับคุณ” หรือ “Growing Together” ดูแลทั้งพนักงาน และลูกค้าให้เติบโตอย่างมั่งคั่ง และมั่นคง
“คนกรุงไทยไม่ได้ด้อยกว่าที่อื่น สหภาพกรุงไทยแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้เกเรอะไร ถ้าพูดคุยกันเข้าใจชัดเจน ก็จะเห็นภาพเดียวกัน แล้วก็จะได้รับความร่วมมืออย่างดีอย่างที่ผมได้ร้บ ซึ่งความร่วมมือ คือ พลังที่จะผลักดันแบงก์ก้าวหน้าอย่างเข้มแข็ง”
อีกด้านที่สำคัญก็คือ เรื่อง Data การจัดการระบบข้อมูลขององค์กรให้ใช้สะดวก และรวดเร็วขึ้น จากแต่ก่อนนี้เดือนหนึ่งถึงจะมีอัปเดตผลงานของแต่ละสาขาทีหนึ่ง ซึ่งมันช้า และไม่ทันการ หากเกิดอะไรขึ้น เมื่อพัฒนาแล้วผู้จัดการสาขาก็อัปเดตงานได้วันละต่อวัน มีปัญหาอะไรก็รู้เร็วขึ้น และแก้ไขได้เร็วขึ้น รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ในการให้บริการลูกค้าก็เร็วขึ้นด้วย ซึ่้งในส่วนนี้ถือเป็น Health ของธนาคารที่ดูดีขึ้น
- ด้านผลประกอบการของธนาคาร
เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญเช่นกัน โดยตั้งแต่ปี 55 ธนาคารมีกำไรก่อนหักสำรองประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเป็นเลข 2 หลักต่อเนื่องมา 4 ปี แต่ในส่วนของอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (Coverage Ratio) ยังคงค่อนต่ำกว่าที่่อื่นที่ 105% ก็จะต้องพยายามเพิ่มให้เป็น 130% ภายใน 3 ปี หรือปี 62 ซึ่งจะยังต้องกระทบต่อกำไรของธนาคารต่อไป แต่เราก็ต้องพยายามปรับสมดุลระหว่างผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น และความแข็งแกร่งของธนาคารให้ได้
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 4.2% และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ แต่ก็ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งภายหลังเราวางระบบพิจารณาสินเชื่อใหม่เสร็จเริ่้มใช้ในปี 58 จะเห็นได้คุณภาพหนี้ดีขึ้นเยอะ ส่วนเข้ามาส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อก่อนหน้าปี 58 ในระยะต่อไปก็น่าจะดีขึ้น เพราะเรายังคงเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่ออยู่
ขณะที่สินเชื่อของธนาคาร 9 เดือนแรกของปี หดลง 6% แต่ในไตรมาสสุดท้ายที่เป็นไฮซีซัน อาจจะกระเตื้องขึ้นบ้างเล็กน้อย ทำให้ทั้งปีนี้น่าจะติดลบ 3-5% ได้ ซึ่งการหดตัวของสินเชื่อนั้น 50% มาจากสินเชื่อภาครัฐลดลง ส่วนอีก 50% ลดลงจากสินเชื่อทั้ง 3 หมวด รายใหญ่ เอสเอ็มอี รายกลาง
- ส่งไม้ต่อเอ็มดีใหม่
แม้ว่าภารกิจที่ตั้งใจได้เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ก็ยังต้องมีการต่อยอดออกไป ซึ่งผู้ที่จะรับผิดชอบต่อไปก็เป็น คุณผยง ศรีวณิช ซึ่งมาจากสาย Gobal Market ซึ่งก็เหมาะสมในยุคที่เราจะต้องนำพาตัวเองไปสู่ยุคดิจิตอล และสอดคล้องกับแนวนโยบาย National e-Payment ของรัฐ และกรุงไทย ก็เป็นธนาคารของรัฐที่จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่รัฐใช้เพื่อสนองนโยบายดังกล่าว
นอกจากนี้ ก็จะเป็นการดูแลโดยภาพรวมให้ธนาคารสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน เติบโตทั้งองคาพยพ ท่ามกลางสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนสู่ระบบดิจิตอล ทำให้รูปแบบในการตอบสนองลูกค้าเปลี่ยนตามไปด้วย และการดูแลทางด้านผลตอบแทนต่างๆ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ทั้งในส่วนพนักงาน ลูกค้า และผู้ถือหุ้น
- ฝากไว้เป็นข้อคิด
สิ่งที่แรกที่ผมกลัวที่สุดในการเข้ามาทำงานที่นี่ คือ การถูกแทรกแซงจากภาคการเมือง ซึ่งก็จะได้ข่าวกันมาตลอดอยู่แล้ว จึงประกาศไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานเลยว่า ไม่อยากให้มีการแทรกแซงทางการเมืองในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับกลาง และระดับสูง รวมไปถึงการโยกย้ายต่างๆ เพราะอยากให้คนมีฝีมือจริงๆ เข้ามาทำงาน เพื่อผลักดันองค์กรให้เติบโต ก็ได้รับในสิ่งที่ขอมาโดยตลอด 4 ปี มาถึงคุณผยง ก็ต้องขอให้ช่วยกันจับตามอง อย่าให้เกิดการแทรกแซงขึ้น เพื่อให้ทำงานได้อย่างราบรื่น มีทีมงานที่มีฝีมือเข้ามาทำงาน เพื่อทำให้ธนาคารกรุงไทย ที่ถือเป็นธนาคารอันดับต้นๆ ของประเทศ และเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ ช่วยให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และทำให้ประเทศไทยมีการเติบโตก้าวหน้าขึ้น
ขณะที่คุณผยงเองก็ต้องเปิดกว้าง โดยเฉพาะในเรื่องของบุคลากร เพื่อให้ได้บุคลากรที่เก่ง มีคุณภาพเข้ามาทำงาน ซึ่้งในเรื่องนี้เชื่อว่า พนักงานกรุงไทยยอมรับได้อยู่แล้ว