KTBST เผยปัจจัยภายนอกยังกดดัน SET Index แต่มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้น ช่วยหนุนตลาดฯ ส่วนเรื่องของผลประกอบการที่เริ่มรายงาน ยังไม่มีอะไรที่ surprise ขณะที่ นลท.ฝากความหวังที่มาตรการกระตุ้นใหม่ๆ จากภาครัฐฯ แนะเลือกลงทุนในกลุ่มที่มีข่าวบวกในจังหวะที่ราคาอ่อนตัว เช่น หุ้นผลประกอบการออกมาดี พร้อมให้กรอบ 1,485-1,500 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (27 ต.ค.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มลดลงจากวันก่อน ปัจจัยหลักมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศอาจยังขายหุ้นต่อในวันนี้ เนื่องจากมีผลต่อราคาหุ้นขนาดใหญ่ของตลาด มองกรอบดัชนีที่ 1,485-1,500 จุด
ขณะที่ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. อยู่ที่ 5.61 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือนก่อน และตัวเลขขายบ้านใหม่สูงขึ้น 3.1% จากเดือนก่อน ตัวเลขที่ออกมาดีนี้หนุนให้โอกาสธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. มีมากขึ้น และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น
แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้จะบวกตามตัวเลขเศรษฐกิจ แต่กลับอ่อนเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร เรามองการที่เงินยูโรกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากลงไปต่ำสุดที่ 1.0872 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร น่าจะเป็นผลมาจากนักลงทุนลดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ และ Brexit ลงมาระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การที่กระแสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่คาดจะมีผลต่อการปรับการถือสินทรัพย์ทางการเงินของนักลงทุนทั่วโลก จะเป็นปัจจัยที่มีผลมาถึง Fund Flow ทั่วโลก เพราะเรายังเห็นการขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ ไม่เพียงแค่ของไทย
ขณะที่ในวันนี้ Deutsche Bank จะรายงานผลประกอบการ และพรุ่งนี้ (28 ต.ค.) เป็น UBS รายงานผลประกอบการ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะวัดความแข็งแรงของระบบสถาบันการเงินของยุโรป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป กำลังอยู่ในช่วงของการรายงานผลประกอบการ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเฉพาะตลาด
ทั้งนี้ ทิศทางราคาน้ำมัน จากการที่มีข่าวว่า รัสเซียไม่ได้ปิดทางเรื่องลดกำลังการผลิต แต่มองว่า ตอนนี้นักลงทุนคงอยากเห็นตัวเลขกำลังการผลิตน้ำมันที่จะลดลงของแต่ละราย (เป้าการลดของกลุ่ม Non-OPEC อยู่ประมาณ 4 แสนบาร์เรล/วัน) และจะรอดูการเดินสายคุยกันของผู้ผลิตกันอีกรอบในช่วงวันหยุดนี้อีกครั้ง ราคาน้ำมันดิบจึงน่าจะ sideway แบบลบๆ ต่อไป
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. ที่ 19,460 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว +3.4% YoY และ +3.4% MoM การส่งออกทั้งภาคเกษตร (แปรรูป) และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวทั้งสองกลุ่ม เป็นสัญญาณบวกต่อภาคการส่งออก และการค้าระหว่างประเทศของไทย เรามองเป็นปัจจัยบวกมาถึงตลาดหุ้นไทยวันนี้ด้วย ส่วนเรื่องของผลประกอบการที่เริ่มรายงาน ยังไม่มีอะไรที่ surprise นักลงทุน สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต ยังฝากความหวังที่มาตรการกระตุ้นใหม่ๆ จากภาครัฐฯ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน จากทิศทางตลาดหุ้นพลิกกลับมาลบ หลังนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นมากขึ้น แม้อาจจะเห็น technical rebound แต่ยังแนะนำให้ชะลอดูทิศทางตลาดก่อน หรือเลือกลงทุนในกลุ่มที่มีข่าวบวกในจังหวะที่ราคาอ่อนตัว เช่น หุ้นผลประกอบการออกมาดี หุ้นได้ประโยชน์จากโครงการประชารัฐฯ หุ้นอิงรายได้กับการส่งออก เป็นต้น หุ้นที่สนใจในวันนี้ ได้แก่ GLOBAL DIF TU KCE และ IVL