หุ้นไทยปิดพุ่ง 34.99 จุด หรือเกือบ 2.5% ถือเป็นการทำรีบาวนด์กลับได้ดีกว่าต่างประเทศ แต่วอลุ่มเทรดไม่สูงมากนัก จึงต้องดูว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน หากสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,440 จุดได้ตลอด ก็อาจมีแรงซื้อกลับตามมาอีก ขณะที่ผลประชุมเฟดยังมีน้ำหนักในระยะต่อไป
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 ก.ย.) รีบาวนด์ตามตลาดต่างประเทศ หลังคลายกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไปบ้าง แต่ช่วงบ่ายตลาดต่างประเทศกลับปรับตัวลงไปอยู่ในแดนลบทั้งตลาดภูมิภาค ตลาดหุ้นฮ่องกง รวมถึงดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ส่วนตลาดยุโรปบ่ายนี้ก็บวกเล็กน้อย อาจเป็นผลจากการรอความชัดเจนผลประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.อีกที
ส่วนตลาดบ้านเรายังต้องติดตามดัชนีฯ ในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.) ด้วยว่าหากสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,440 จุดได้ตลอดทั้งวันก็อาจมีแรงซื้อกลับตามมาอีก และดัชนีฯ ก็จะมีลุ้นขึ้นไปแถว 1,455 จุดได้ แต่ถ้าไม่สามารถยืนเหนือได้ในทางเทคนิคก็ยังเป็นแค่การรีบาวนด์
ทั้งนี้ ตลาดฯ ปรับตัวขึ้นมาได้แต่วอลุ่มยังไม่มาก ดังนั้น จึงแนะนำช่วงสั้นให้ take profit ไปก่อน และเชื่อว่ามีนักลงทุนบางส่วนได้ขายล็อกกำไรไปบ้างแล้ว
“ตลาดบ้านเราปรับตัวลงมาเยอะ เรียกได้ว่าลงลึกจนเข้าเขต Oversold ดังนั้น แม้บ่ายนี้ตลาดภูมิภาคจะติดลบกัน แต่ตลาดบ้านเราก็บวกได้ดีกว่า เพราะเราลงลึก แต่จะรีบาวนด์กลับได้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ขึ้นกับข่าวเฟดด้วย”
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,446.84 จุด เพิ่มขึ้น 34.99 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.48% มูลค่าการซื้อขาย 58,278.28 ล้านบาท โดยภาพรวมวันนี้ดัชนีหุ้นไทยสามารถยืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายธีรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดฯ มีโอกาสถูก take profit หลังจากรีบาวด์ด้วยวอลุ่มเทรดที่ไม่สูงนัก พร้อมให้แนวรับ 1,430-1,415 จุด ส่วนแนวต้าน 1,455 จุด
