หุ้นไทยปิดร่วง 33 จุด หรือกว่า 2% ทิศทางเดียวกับต่างประเทศ และต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่อจากตลาดหุ้นกลับมากังวลเฟดจะขึ้น ดบ.ในการประชุมเดือน ก.ย.นี้ ส่งผลให้ Bond yield และ US Dollar ปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ด้วย
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ (12 ก.ย.) ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่เข้ามากระทบหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ได้ออกมาพูดในแนวโน้มที่หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำนานไป
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ร้อนแรงไปอาจเป็นอันตรายได้ ทำให้ตลาดฯ กลับมากังวลว่า เฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.นี้ ส่งผลให้ Bond yield และ US Dollar ปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) และส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ด้วย
“ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดบ้านเราปรับตัวลง อันเนื่องมาจากปัจจัยในประเทศ ซึ่งสถาบันในประเทศต่างเทขายหุ้นออกมา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ขาย แต่นับตั้งแต่เกิด Brexit ต่างชาติก็ซื้อมาถึงราว 9 หมื่นล้านบาท มาวันนี้ตลาดฯ ปรับตัวลงอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างประเทศ ดังนั้น จึงคาดว่านักลงทุนต่างชาติคงจะขายออกมาในวันนี้”
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,411.85 จุด ลดลง 33.43 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.31% มูลค่าการซื้อขาย 53,983.22 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) นายณัฐชาต กล่าวว่า ให้ติดตามข้อมูลสำคัญจากสหรัฐฯ ในคืนนี้ จากคำพูดของ Lael Brainard หนึ่งในคณะกรรมการของเฟด ที่มีสิทธิโหวตเสียง ถ้าพูดแล้วมีมุมมองในเชิงที่เฟด ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะทำให้ตลาดฯ ปรับตัวลง แต่ถ้าพูดในทางตรงกันข้าม ก็ทำให้ตลาดฯ ผ่อนคลายได้ พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,435 จุด