ไทย เอ็น ดี ที อ่อยกำไรหด สวนทางรายได้เติบโต เหตุลุยลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในพม่าและอุตฯน้ำมันและแก๊สซบ มั่นใจทั้งปีรายได้จะโต หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นและมีงานเข้ามาเพิ่ม เก็บรายได้งานในมือทั้งหมดปีนี้ 300 ล้านบาท เตรียมดึงพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมลงทุน
นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนปีที่ทำไว้ 61.24 ล้านบาท ขณะครึ่งแรกปีนี้ทำได้ 1.22 ล้านบาท ผลมาจากการเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 ยูนิต ส่งผลให้กำไรปรับตัวลดลง ประกอบกับช่วงที่ผ่านภาวะอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สชะลอตัวลง ทำให้งานออกมาค่อนข้างน้อย
ขณะ รายได้คาดว่าน่าจะดีกว่าปีก่อนที่ทำไว้ 431.50 ล้านบาท จากอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดต่างประเทศและในประเทศ ซึ่งบริษัทยังมีงานในกลุ่มลูกค้าเดิมเข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากสายสัมพันธ์ทางธุรกิจ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มโครงสร้างขนาดใหญ่ (Construction) อีกทั้งยังได้พัฒนาการให้บริการกับลูกค้าให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การทำวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องจนถึงขั้นตอนการตรวจสอบ เพื่อให้ลูกค้าและบริษัทได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุด
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 300 ล้านบาทเป็นงานภายในประเทศ 200 ล้านบาท และต่างประเทศ 100 ล้านบาท คาดสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด และอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานเพิ่มอีก มูลค่ารวม 140 ล้านบาท แบ่งเป็นงานตรวจสอบและทดสอบระบบความปลอดภัย การวางท่อก๊าซต่างๆ ,บล็อกวาล์ว และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) 6 แห่ง คาดทราบผลได้ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ซึ่งน่าจะผลักดันงานในมือในปี 60 เพิ่มขึ้น จากขณะนี้มีงานในมือ รองรับการรับรู้รายได้ในปีหน้าอยู่แล้วที่ 320 ล้านบาท
"ท่ามกลางวิกฤต TNDT ยังมีโอกาสทางธุรกิจ เพราะลูกค้าที่ทำงานร่วมกันมายาวนาน ยังไว้วางใจมอบงานให้บริษัทฯเป็นผู้ดูแล และเราก็พยายามพัฒนาการให้บริการให้เป็นไปอย่างครบวงจร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงาน ซึ่งจะทำให้ทั้งบริษัทฯและลูกค้าได้รับประโยชน์ร่วมกัน "นางสาวชมเดือน กล่าว
ขณะธุรกิจพลังงานที่บริษัทได้รับสัมปทานโครงการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 ยูนิต ในอำเภอท่าขี้เหล็ก จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ขณะนี้ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับรัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและเชื่อมสายส่งไฟฟ้าได้ภายในปลายปี 60 และน่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในต้นปี 61 ทำให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจพลังงานขยับเพิ่มขึ้นมากกว่าธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 100% และเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตรญี่ปุ่น ในการเข้าร่วมลงทุนโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งขณะนี้โครงการดังกล่าว TNDT Power ถือหุ้นในสัดส่วน 90% และพันธมิตรประเทศเมียนมาถือหุ้น 10%