EKH มั่นใจปีนี้กำไรทำนิวไฮ หลังปรับเป้ารายได้เป็นโตไม่ต่ำกว่า 15% จากเดิม 12-15% เผยช่วงครึ่งปีหลังเข้าสู่ไฮซีซั่น ช่วยให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น
นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการบริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่า รายได้ และกำไรในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากบริษัทปรับเป้ารายได้ทั้งปีเป็นเติบโตมากกว่า 15% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เติบโตในช่วง 12-15% และจะรักษาระดับการเติบโตเฉลี่ย 15% นี้ไว้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ผลประกอบการทั้งแง่รายได้ และกำไรช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 232.32 ล้านบาท หรือเติบโต 16.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 30.62 ล้านบาท หรือเติบโต 94.91% เนื่องจากไตรมาส 3/59 เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาลที่จะมีผู้เข้าใช้บริการรักษาพยายามเพิ่มขึ้นจากโรคที่มาพร้อมฤดูฝน และฤดูหนาว ประกอบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ คงที่ และต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวลดลง ช่วยให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งช่วยสนับสนุนผลประกอบการทั้งในแง่รายได้ และกำไรสุทธิปีนี้
“ปกติช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ในขณะที่ไตรมาส 3/59 ก็มีทิศทางที่ดี จากจำนวนคนไข้ที่เข้ามารักษาพยาบาล ทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน ในอัตราที่เกือบเต็มอยู่ตลอด โรงพยาบาลจึงได้มีการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนเพื่อที่จะรองรับห้องผู้ป่วยได้ทันท่วงที นอกจากนี้ จากที่ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ และได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ทำให้ประชาชนเข้ามารับการรักษามากขึ้น โดยเฉพาะแผนกเด็กที่มีการเติบโตถึง 20%” นพ.อำนาจ กล่าว
ปัจจุบัน EKH ให้บริการทางการแพทย์ครอบคลุม 16 ศูนย์ มีเตียงที่เปิดให้บริการ 86 เตียง และมีห้องตรวจทั้งหมด 38 ห้อง สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้ถึง 716 คนต่อวัน พร้อมด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
นพ.อำนาจ กล่าวว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่า รายได้ยังจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องภายใน 3 ปีข้างหน้า ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งปัจจุบัน ประชาชนให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมีทั้งลูกค้าทั่วไป ลูกค้าประกัน ลูกค้าเอกชน องค์กรต่างๆ อีกทั้งรัฐบาลสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ และมีต่างชาติมาใช้บริการ เป็นอีกโอกาสสำคัญในการเติบโต
ส่วนความคืบหน้าในการก่อสร้างศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ขนาด 50 เตียง เพื่อรองรับการรักษาพยาบาล ทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ และจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 1/60 และแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในช่วงกลางปี 61 เป็นอย่างเร็ว หรืออย่างช้า คือ ช่วงปลายปี 61 เนื่องจากโรงพยาบาลมีความเชี่ยวชาญด้านแม่ และเด็ก ซึ่งช่วงที่ผ่านมา มีคนไข้เด็กที่เข้ามารักษาพยาบาลจำนวนมาก
สำหรับแผนในอนาคต บริษัทยังคงมองโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมอีก แต่เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ คือ ปัจจัยสำคัญ ชื่อเสียงที่โรงพยาบาลสะสมมากว่า 10 ปี จะเป็นสิ่งการันตีความเชื่อมั่นในการเข้ามารักษา ดังนั้น หากโรงพยาบาลมั่นใจแล้วว่ามีความพร้อมในทุกด้าน ในการให้บริการด้วยคุณภาพ และมาตรฐานที่ดีจะมีการต่อยอดการเติบโตในศูนย์อื่นๆ อีกแน่นอน