กคช.ชี้แจงถึงก้าวต่อไปของการดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีไฟเขียวแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ.2559-2567) รวมถึงความก้าวหน้าของโครงการบ้านเคหะประชารัฐ ที่ยังคงเปิดให้ประชาชนจับจองอย่างต่อเนื่อง
นางสาวอุบลวรรณ สืบยุบล รองผู้ว่าการ รักษาการแทน ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2559 ณ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำเสนอแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ.2559-2567) และขออนุมัติดำเนินการโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธที่ 17 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ.2559-2567) รวมทั้งหลักการกรอบแผนการลงทุนพัฒนาพื้นที่ตามแผนแม่บทดังกล่าว วงเงิน 35,754.25 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศ และอนุมัติการดำเนินโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G วงเงิน 460.53 ล้านบาท โดยรัฐบาลสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 2.15 ต่อปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และกรุงเทพมหานคร ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย นอกจากนี้ ยังเห็นชอบในหลักการการจ่ายค่าชดเชยสิทธิในการเช่า และการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าขนย้ายสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ ส่วนอัตราการจ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ตลอดจนให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 (เรื่องขออนุมัติแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่และฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง) เฉพาะประเด็นข้อ 5.7 ที่กำหนดให้ต้องมีการจัดสรรพื้นที่ในพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวนหนึ่ง เพื่อให้สิทธิผู้อยู่อาศัยเดิมได้เช่าเป็นอันดับแรกในอัตราค่าเช่าพิเศษ โดยไม่มีการโอนสิทธิ หรือกิจการไปให้อีกคนหนึ่ง โดยได้ค่าตอบแทน (ค่าเซ้ง)
โดยการดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ระยะ ใช้เวลา 8 ปี จำนวน 20,292 หน่วย โดยแบ่งเป็นรองรับผู้อยู่อาศัยเดิม 6,546 หน่วย และรองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ 13,746 หน่วย สำหรับระยะที่ 1 จัดสร้างอาคารพักอาศัยแปลง G สูง 28 ชั้น 334 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมแฟลต 18-22 จำนวน 280 หน่วย ระยะที่ 2 แปลง D1 และแปลง A จัดสร้างอาคารสูง 35 ชั้น 2 อาคาร รวม 1,247 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม แฟลต 9-17, 23-32 และ 63-64 จำนวน 1,160 หน่วย
ระยะที่ 3 แปลง D1 แปลง A และแปลง C จัดสร้างอาคารสูง 35 ชั้น 5 อาคาร รวม 3,333 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมแฟลต 1-8, 33-56, 57-62 และดินแดง 4 จำนวน 3,056 หน่วย และที่ดินแปลง D2 จัดสร้างอาคารสูง 30 ชั้น 5 อาคาร รวม 2,610 หน่วย เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเดิม และบุคคลทั่วไป ระยะที่ 4 แปลง C จัดสร้างอาคารสูง 35 ชั้น 3 อาคาร รวม 1,632 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมแฟลต ช.1-ช.6 จำนวน 1,350 หน่วย ส่วนแปลง B และแปลง E จัดสร้างอาคารสูง 8-35 ชั้น 20 อาคาร รวมจำนวน 1,136 หน่วย รองรับข้าราชการ และบุคคลทั่วไป
ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารพักอาศัยแปลง G บริเวณหัวมุมถนนวิภาวดี-รังสิต ตัดกับถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง ใช้วงเงินลงทุน 460 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน คาดว่าจะย้ายผู้อยู่อาศัยเดิมเข้าอยู่ได้เดือนเมษายน 2561 ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้รับจ้าง เพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ สำหรับค่าเช่าใหม่ยังคงอัตราเดิม แต่เพิ่มค่าบริหารจัดการสาธารณูปโภค และค่าภาษีโรงเรือน 12.5% ซึ่งจะทำให้ค่าเช่าที่ต้องจ่ายปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 300-3,000 บาท เป็น 1,265-4,303 บาท ส่วนผู้อยู่อาศัยใหม่ หากเป็นข้าราชการ คิดค่าเช่า 9,000 บาท/หน่วย/เดือน ซึ่งรวมค่าบริหารจัดการสาธารณูปโภค และค่าภาษีโรงเรือนแล้ว ในขณะที่ผู้เช่ารายใหม่ที่เป็นบุคคลทั่วไป ต้องจ่ายค่าเช่าเซ้ง 1.7 ล้านบาท/หน่วย
สำหรับความคืบหน้าของโครงการบ้านเคหะประชารัฐ ภายหลังจากที่การเคหะแห่งชาติ เปิดขายระหว่างวันที่ 6-15 กรกฎาคม 2559 จำนวน 221 โครงการ รวมทั้งสิ้น 22,884 หน่วย สามารถทำยอดขายได้ 8,537 หน่วยนั้น การเคหะแห่งชาติ ได้รณรงค์การขายอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มียอดขายเพิ่มเติมอีก 1,357 หน่วย รวมมียอดขายทั้งสิ้น 9,894 หน่วย (ข้อมูล ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2559) ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพร้อมอยู่ภายใน 18 เดือน ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 8 โครงการ รวมทั้งสิ้น 1,515 หน่วย คาดว่าจะส่งมอบให้กับลูกค้าภายในเดือนกันยายน 2559 ได้แก่ โครงการจันทบุรี ระยะที่ 3 เฟส 1-3 จำนวน 426 หน่วย โครงการอุดรธานี (หนองสำโรง) เฟส 1-2 จำนวน 292 หน่วย โครงการหนองคาย (แยกเวียงจันทน์) เฟส 1 จำนวน 137 หน่วยโครงการพิษณุโลก (บึงพระ 2) จำนวน 100 หน่วย โครงการพะเยา จำนวน 158 หน่วย โครงการชลบุรี (นาเกลือ) เฟส 1 จำนวน 369 หน่วย โครงการชลบุรี (นาจอมเทียน) จำนวน 15 หน่วย และโครงการนครสวรรค์ (นิวมาร์ท) จำนวน 18 หน่วย.