xs
xsm
sm
md
lg

มาสเตอร์คูลฯ รุกหนัก หวังรายได้แตะ 3 พันล. ใน 3 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

มาสเตอร์คูลฯ รุกหนักตลาดนอก หวังดันรายได้แตะ 3 พันล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมเพิ่มตัวแทนขายในประเทศกลุ่มอาเซียน เร่งหาพื้นที่ในโมเดิร์นเทรดเพิ่มช่องทางขาย

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เปิดเผยว่า บริษัทจะเน้นการบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันรายได้ให้สูงขึ้นไปแตะระดับ 3 พันล้านบาท ภายในปี 63 ตามเป้าหมาย และอัตรากำไรสุทธิแตะระดับ 15% จากปีนี้ที่คาดว่า รายได้จะใกล้เคียง 1 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 50% จากปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10%

“เรายังคงมุ่งเน้นการเติบโตที่ 40% ต่อปีไปอีก 3-4 ปี ด้วยฐานที่ค่อนข้างต่ำ ประกอบกับยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก เราจึงยังสามารถเติบโตได้อีกมากด้วยความเย็นที่เกิดขึ้นจริง และด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราก็สามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารและการตลาดที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่ายอดขาย ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่า ในปี 63 อัตรากำไรสุทธิจะขึ้นไปแตะระดับ 15% ได้ และปีนี้จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 10% จากครึ่งปีแรกที่เราสามารถทำได้แล้ว 15.19%” นายนพชัย กล่าว

โดยบริษัทจะเดินหน้าเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในประเทศที่มีขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยจะยังเน้นตลาดกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งปัจจุบัน บริษัทส่งออกสินค้าไปจำหน่ายแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 20.43% ของรายได้รวม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเจรจากับห้างโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ คือ บิ๊กซี และแม็คโคร เพื่อจะนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในปี 60 จากปัจจุบัน บริษัทนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายผ่านสาขาของโฮมโปร, เทสโก้โลตัส และซิงเกอร์ นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีแคมเปญส่งเสริมการขาย “เมืองไทยหน้าไหนก็ร้อน” เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศ และมีแผนขยายตลาดลูกค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจด้วย

“ไตรมาส 3/58 เราติดลบ พอปีนี้มองภาพรวมยังไปได้ดี ธุรกิจไม่ติดลบเหมือนที่ผ่านมา ด้วยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย แต่ยอดรายได้อาจจะลดลง วันนี้ตลาดส่งออก ตลาดลูกค้าองค์กร ยังโตได้ดี แต่ตลาดลูกค้ารายย่อยน่าจะลดลงตามฤดูกาล” นายนพชัย กล่าว

นายนพชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับบริษัทย่อยที่ KOOL ถือหุ้นอยู่ 100% ซึ่งปัจจุบันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน แต่สร้างรายได้เพียงเล็กน้อยนั้น ขณะนี้ได้ศึกษาเข้าลงทุนในธุรกิจบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติม โดยเบื้องต้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 1 ล้านบาท/แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าที่มีความต้องการใช้บริการ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจทั้งสองส่วนดังกล่าวจะสร้างรายได้ราวปีละ 200-300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10-15% ภายในปี 61


กำลังโหลดความคิดเห็น