ก.ล.ต.ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทคเข้ามาใช้ในตลาดทุน เพื่อสนับสนุนผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนทุกด้าน ทั้งกิจการที่จะสามารถระดมทุนได้สะดวกขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถพัฒนารูปแบบการให้บริการทางการเงินใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางให้ผู้ลงทุนเข้าถึงบริการด้านการเงินหลากหลายขึ้น
นางปะราลี สุคนธมาน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ฟินเทคจะเข้ามาพลิกโฉมการให้บริการทางการเงิน ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ช่วยให้ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน หรือแหล่งเงินทุน สามารถเข้าถึงได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง โดย ก.ล.ต.ได้เตรียมความพร้อมมาแล้วระยะหนึ่ง ในปีที่ผ่านมา ได้ออกเกณฑ์เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (equity crowdfunding) ส่งเสริมให้กิจการขนาดเล็ก และวิสาหกิจเริ่มต้น (start-ups) ที่เดิมมีอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีต้นทุนการระดมทุนสูง ได้มีโอกาส และทางเลือกในการเข้าถึงเงินทุนมากขึ้น อีกทั้งยังได้เริ่มศึกษาเกณฑ์เพื่อรองรับการเสนอขายตราสารหนี้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (debt crowdfunding) ที่คาดว่าจะออกตามมาเพิ่มเติมในอนาคต”
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ส่งเสริมผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนให้พร้อม และรู้เท่าทันพัฒนาการต่างๆ ของฟินเทค ด้วยการจัดสัมมนา FinTech Forum เป็นประจำทุกไตรมาส สนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางทั้งรายใหม่ และรายเดิม ทั้งผู้ประกอบธุรกิจโบรกเกอร์ ที่ปรึกษาการลงทุน และบริษัทจัดการลงทุน สามารถปรับรูปแบบการทำธุรกิจ เพื่อนำฟินเทคไปใช้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจให้บริการ wealth management สามารถนำโปรแกรมช่วยวางแผน หรือจัดพอร์ตการลงทุน (robo-advisor) มาให้บริการแก่ลูกค้า
ในอนาคตคาดว่าเทคโนโลยี blockchain* จะเป็นที่นิยม และนำมาใช้ในตลาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งในต่างประเทศจะเห็นการนำฟินเทคไปใช้หลากหลายด้าน เช่น การขายหุ้นนอกตลาด ระบบการทำความรู้จัก และตรวจสอบตัวตนลูกค้า (KYC/CDD) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางควรเตรียมมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ขณะที่ ก.ล.ต.จะปรับปรุงเกณฑ์ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมฟินเทค แต่ยังคงคำนึงถึงการคุ้มครองผู้ลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางกำกับดูแลแบบ regulatory sandbox** ซึ่งนอกจากเป็นการเปิดเวทีให้ผู้ประกอบธุรกิจทั้งรายใหม่ และรายเดิมได้ทดลองให้บริการแก่ผู้ลงทุน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะผิดกฎหมายในช่วงระยะเวลาหนึ่งภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และช่วยให้ ก.ล.ต.มีข้อมูลก่อนการออกเกณฑ์
“ก.ล.ต.ส่งเสริมการนำฟินเทคมาใช้ในตลาดทุน สนับสนุนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตื่นตัว และเตรียมพร้อมนำฟินเทคเข้ามาจัดรูปแบบการทำธุรกิจตามความถนัดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้อย่างเหมาะสม ขณะที่ ก.ล.ต.ยินดีรับฟัง และศึกษาข้อมูลจากทุกฝ่าย เพื่อให้ออกเกณฑ์ที่คำนึงถึงทั้งการส่งเสริมธุรกิจ และคุ้มครองผู้ลงทุนไปพร้อมๆ กัน” นางปะราลี กล่าว
*blockchain เป็นการเปลี่ยนระบบการจัดเก็บข้อมูลมาเป็นระบบเครือข่าย (distributed ledger) ที่มีความปลอดภัย และโปร่งใสสูงมาก เนื่องจากทุกคนในเครือข่ายต้องร่วมกันรับรอง และจัดเก็บข้อมูล ทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลง มีการปิด หรือทำลายระบบได้
**แนวคิด regulatory sandbox หมายถึง แนวคิดการเปิดเวทีเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทดลองทำธุรกิจ หรือ innovation ได้แบบเสมือนจริง ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น ในช่วงเวลาหนึ่งต่อผู้ใช้บริการในวงจำกัด เป็นต้น
นางปะราลี สุคนธมาน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ฟินเทคจะเข้ามาพลิกโฉมการให้บริการทางการเงิน ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ช่วยให้ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน หรือแหล่งเงินทุน สามารถเข้าถึงได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง โดย ก.ล.ต.ได้เตรียมความพร้อมมาแล้วระยะหนึ่ง ในปีที่ผ่านมา ได้ออกเกณฑ์เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (equity crowdfunding) ส่งเสริมให้กิจการขนาดเล็ก และวิสาหกิจเริ่มต้น (start-ups) ที่เดิมมีอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีต้นทุนการระดมทุนสูง ได้มีโอกาส และทางเลือกในการเข้าถึงเงินทุนมากขึ้น อีกทั้งยังได้เริ่มศึกษาเกณฑ์เพื่อรองรับการเสนอขายตราสารหนี้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (debt crowdfunding) ที่คาดว่าจะออกตามมาเพิ่มเติมในอนาคต”
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ส่งเสริมผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนให้พร้อม และรู้เท่าทันพัฒนาการต่างๆ ของฟินเทค ด้วยการจัดสัมมนา FinTech Forum เป็นประจำทุกไตรมาส สนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางทั้งรายใหม่ และรายเดิม ทั้งผู้ประกอบธุรกิจโบรกเกอร์ ที่ปรึกษาการลงทุน และบริษัทจัดการลงทุน สามารถปรับรูปแบบการทำธุรกิจ เพื่อนำฟินเทคไปใช้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจให้บริการ wealth management สามารถนำโปรแกรมช่วยวางแผน หรือจัดพอร์ตการลงทุน (robo-advisor) มาให้บริการแก่ลูกค้า
ในอนาคตคาดว่าเทคโนโลยี blockchain* จะเป็นที่นิยม และนำมาใช้ในตลาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งในต่างประเทศจะเห็นการนำฟินเทคไปใช้หลากหลายด้าน เช่น การขายหุ้นนอกตลาด ระบบการทำความรู้จัก และตรวจสอบตัวตนลูกค้า (KYC/CDD) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางควรเตรียมมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ขณะที่ ก.ล.ต.จะปรับปรุงเกณฑ์ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมฟินเทค แต่ยังคงคำนึงถึงการคุ้มครองผู้ลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางกำกับดูแลแบบ regulatory sandbox** ซึ่งนอกจากเป็นการเปิดเวทีให้ผู้ประกอบธุรกิจทั้งรายใหม่ และรายเดิมได้ทดลองให้บริการแก่ผู้ลงทุน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะผิดกฎหมายในช่วงระยะเวลาหนึ่งภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และช่วยให้ ก.ล.ต.มีข้อมูลก่อนการออกเกณฑ์
“ก.ล.ต.ส่งเสริมการนำฟินเทคมาใช้ในตลาดทุน สนับสนุนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตื่นตัว และเตรียมพร้อมนำฟินเทคเข้ามาจัดรูปแบบการทำธุรกิจตามความถนัดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้อย่างเหมาะสม ขณะที่ ก.ล.ต.ยินดีรับฟัง และศึกษาข้อมูลจากทุกฝ่าย เพื่อให้ออกเกณฑ์ที่คำนึงถึงทั้งการส่งเสริมธุรกิจ และคุ้มครองผู้ลงทุนไปพร้อมๆ กัน” นางปะราลี กล่าว
*blockchain เป็นการเปลี่ยนระบบการจัดเก็บข้อมูลมาเป็นระบบเครือข่าย (distributed ledger) ที่มีความปลอดภัย และโปร่งใสสูงมาก เนื่องจากทุกคนในเครือข่ายต้องร่วมกันรับรอง และจัดเก็บข้อมูล ทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลง มีการปิด หรือทำลายระบบได้
**แนวคิด regulatory sandbox หมายถึง แนวคิดการเปิดเวทีเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทดลองทำธุรกิจ หรือ innovation ได้แบบเสมือนจริง ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น ในช่วงเวลาหนึ่งต่อผู้ใช้บริการในวงจำกัด เป็นต้น