KTBST มองภาพ SET ทรงตัวรอปัจจัยใหม่ ทั้งจากผลประชุม ครม. และการประชุมของ FOMC ที่มีโอกาสปรับขึ้น ดบ.ได้ หลังจาก ศก.สหรัฐฯ ที่ออกมาดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูการแถลงหลังประชุมว่า ท่าทีของ Fed ต่อการปรับขึ้น ดบ.จะเป็นอย่างไร และเป็นเหตุผลให้นักลงทุนต่างเข้าลงทุนด้วยความระมัดระวัง
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 ก.ค.) คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ทรงๆ ตัวจนถึงปรับตัวลดลง จากราคาน้ำมันดิบ และแรงขายทำกำไร หลังตลาดไม่มีข่าวเชิงบวกเข้ามาในวันนี้ โดยมองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,505-1,520 จุด
ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา ต่างได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง (WTI ปิดที่ 43.13 เหรียญสหรัฐ) จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง และการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตต่างๆ ที่กำลังสูงขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างเข้าลงทุนด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากวันนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มประชุมนโยบายการเงิน หรือ FOMC เป็นวันแรก ทั้งนี้ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี ทำให้โอกาสในการที่ FOMC จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากเดิมที่คาดว่าจะเป็นปีหน้านั้น อาจขยับเข้ามาเร็วขึ้น
กรณีดังกล่าว เป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูการแถลงหลังประชุมว่า ท่าทีของ Fed ต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นจะเป็นอย่างไร ภาพของตลาดหุ้นต่างประเทศวันนี้ ส่วนใหญ่จึงออกไปในทางลบ
ส่วนปัจจัยในประเทศ จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่มีเข้า 3.3 หมื่นล้านบาท ในเดือนนี้จะยังเป็นแรงขับตลาดหุ้นที่สำคัญ แต่ บล.KTBST เชื่อว่า ด้วย P/E ตลาดที่ขึ้นมาแตะ 23 เท่า จะทำให้แรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มนี้เบาบางลง และมีแรงขายจากนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ เข้ามามากขึ้น ส่วนปัจจัยอื่นที่มีผลต่อตลาดจะเป็นของการประชุม ครม.ที่มีวาระเรื่องภาษีช่วยธุรกิจ SMEs เข้าพิจารณา ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นที่มีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยลบ จะเป็นการสูงขึ้นของค่าพรีเมียมในการป้องการความเสี่ยงตราสารหนี้ของไทย (Thai 5-year CDS) ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ความเป็นบวกของตลาดที่เริ่มน้อยลงจากเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อาจไปอาจไปฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นๆ ให้ปรับตัวลดลง กลยุทธ์วันนี้ จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางตลาด หรือเข้าลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก โดยหุ้นที่เราแนะนำ คือ IRPC, BA, EGCO, TCMC