ME by TMB เผยผลงานเข้าสู่ปีที่ 5 ยอดเงินฝากโตเฉลี่ย 80% ต่อปี ปัจจุบันแตะ 5 หมื่นล้าน ต่อไปตั้งเป้าโต 20% พร้อมลดจำนวนสาขาลง 3 แห่งเหลือเพียง 1 สาขาหลัก รับสู่ยุคดิจิตอล พร้อมเตรียมเปิดเปิดบัญชีทางออนไลน์ 100% ในไตรมาส 3 นี้
นางสาวรัชดา เสริมศิลปกุล ผู้อำนวยการการตลาดและการขาย ME by TMB เปิดเผยว่า ในปีนี้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังคงฟื้นตัวไม่ดีนัก แต่การเติบโตของเงินฝาก และจำนวนลูกค้าของ ME ยังเติบโตได้ดี โดยปัจจุบันมียอดเงินฝากเกือบ 50,000 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 5% จากยอดเงินฝากดังกล่าว ขณะที่เป้าหมายฐานลูกค้าใหม่อยู่ที่ 20% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา และมีจำนวนบัญชีประมาณ 250,000 บัญชี
“ปีนี้อาจจะมีความท้าทายในหลายๆ เรื่อง ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้สินเชื่อยังเติบโตไม่ดีนัก ทำให้เงินฝากชะลอไปบ้าง แต่ตัวเลขที่ 5 หมื่นล้านบาทนั้น ก็เป็นตัวเลขที่เราพอใจ ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่แน่นอน ก็คงต้องรอให้สถานการณ์ชัดเจนก่อนเพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนให้ดี เพราะเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าออมทรัพย์ 4 เท่า หรือปัจจุบัน อยู่ที่ 1.8% นั้น ก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งของเราอยู่”
นอกจากนี้ ME ยังมีแผนที่จะปิดสาขา 3 ใน 4 แห่งที่มีอยู่ ได้แก่ สาขาบางแค สีลมคอมเพล็กซ์ และเอสพาสนาด แต่จะคงเหลือสาขาหลักที่เซ็นทรัล เวิล์ด ไว้ เนื่องจากในสำรวจที่ผ่านมา ลูกค้าของเราทำธุรกรรมผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง และโมบาย แอปพลิเคชัน สูงถึง 98% ที่เหลืออีก 2% ผ่านทาง Call Center และมีส่วนที่เข้ามาใช้บริการผ่านสาขาเพียง 0.06% ดังนั้น การลดจำนวนสาขาจึงสอดคล้องกับธุรกรรมที่มีอยู่
พร้อมกันนั้น ก็ได้เตรียมที่จะเพิ่มช่องทางการบริการใหม่ ด้วยการลงทุนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝาก ME ผ่านออนไลน์ได้ 100% เมื่อผู้ใช้บริการมีเอกสารครบทั้งในส่วนของบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคารที่จะผูกกับ ME ซึ่งถือเป็นรายแรกของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ให้เปิดบัญชีทางออนไลน์ได้เต็มรูปแบบ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 นี้ และตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2564 จะมีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านบัญชี
นางสาวรัชดา กล่าวอีกว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา นับแต่ได้เริ่มเปิดตัวเมื่อปี 2555 ถือว่าประสบความสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของลูกค้าโดยเฉลี่ย 4 ปีที่ระดับ 110% และเงินฝากเติบโตเฉลี่ย 80% ต่อปี รวมถึงจำนวนลูกค้าใหม่ก็เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% ในทุกๆ ปี ดังนั้น จากผลการดำเนินงานที่ออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เรามาถูกทางแล้ว นอกจากในเรื่องของผลตอบแทนที่สูงกว่าตามคอนเซ็ปต์ “Self-Service Banking to Get More” บัญชีเงินฝากที่ให้คุณทำธุรกรรมด้วยตนเองเพื่อให้ได้สิ่่งที่มากกว่าแล้ว ยังเน้นในเรื่องของช่องทางที่สะดวก และความปลอดภัยด้วย
“จากตัวเลขการเติบโตของฐานลูกค้าใหม่ 20% ต่อปี เป็นกลุ่มที่เปิดรับการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตชอบความคล่องตัว ต้องการบริหารเวลาด้วยตนเอง ไม่สะดวกไปทำธุรกรรมที่สาขา คิดเป็นสัดส่วนของลูกค้าในกรุงเทพฯ 64% และต่างจังหวัด 36% และกว่า 80% เป็นคนรุ่นใหม่วัยทำงานอายุตั้งแต่ 23-45 ปี และหากดูถึงยอดเงินฝากเฉลี่ยต่อบัญชีจะเท่ากับ 205,254 บาท ซึ่งนับเป็นกลุ่มเงินฝากรายย่อยต่อบัญชีที่สูง และมีคุณภาพ และยอดเงินฝากคงค้างที่ 5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13% ของเงินฝากรายย่อยของทีเอ็มบี”