หุ้นไทยปิดลบ 7.33 จุด คาดเจอแรงขายทำกำไรหลังวิ่งขึ้นยาวต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ แต่จากกระแสเงินทุนยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้ตลาดฯ ปรับตัวลงแรง และเริ่มเข้าสู่ช่วง wait & see ผลประชุม Fed-BOJ จะมีอะไรออกมาบ้าง
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 ก.ค.) เริ่มเห็นสัญญาณขายแรงขึ้นเป็นวันแรก หลังจากปรับตัวขึ้นไปต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปเปิดทำการวันนี้ปรับตัวลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงด้วย จึงมองว่ามีแรงขายเป็นระยะตาม sentiment ต่างประเทศที่เป็นลบ
“หุ้นขึ้นเร็วสะท้อนอะไรหลายอย่าง กลุ่มแบงก์มีแรงขายออกมา แต่แรงขายออกมาเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ ยังอยู่ในขาชึ้น ไม่ได้ทำให้เสียทรง แต่จะเห็นเวียนกันเล่น อย่าง AOT ปูนใหญ่ (SCC) ต่างประเทศเริ่มมีปัญหา ราคาน้ำมันก็กดดันอยู่ 40 กลาง-ต้น ไม่ไปไหน”
ขณะที่ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางของสหรัฐ (Fed) ซึ่งตลาดฯ คาดว่าจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย และลุ้นว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้ว่าปัจจัยเหล่านี้สะท้อนในราคาหุ้นอยู่แล้ว แต่อาจมีความกังวลบ้างว่า Fed และ BOJ อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คาด อย่างไรก็ตาม จากกระแสเงินทุนยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้ตลาดฯ ปรับตัวลงแรง และคาดว่าตลาดฯ ขณะนี้ยัง wait & see อยู่
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,502.70 จุด ลดลง 7.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 57,728.48 ล้านบาท โดยพบว่ามีสัญญาณขายแรงขึ้นเป็นวันแรก หลังตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นยาวต่อเนื่อง 4 สัปดาห์
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) คาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวลงจากแรงขายทำกำไร ซึ่งนักลงทุนอาจเปลี่ยนกลุ่มหันไปเล่นหุ้น laggard แทน โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,490 จุด แนวต้านที่ 1,520 จุด