บอร์ด ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป อนุมัติออกเงินกู้จากวงเงินเดิม 6,000 เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท อายุวงเงินกู้ตั้งแต่ 3-7 ปี ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 2.79% เหตุต้องการนำเงินกู้ที่ได้ไปชำระหนี้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันของบริษัทลูกในสหรัฐอเมริกา
บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU อนุมัติออกหุ้นกู่จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยได้กำหนดอัตราผลตอบแทนสำหรับหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้มีอายุ 3 ปี อายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี รวมกันเป็นมูลค่าหุ้นกู้รวม จำนวน 10,000 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดของบริษัทฯ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทน สำหรับหุ้นกู้อายุ 3 ปี อยู่ที่ 2.03% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.32% ต่อปี และสำหรับหุ้นกู้อายุ 7 ปี อยู่ที่ 2.79% ต่อปี อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA- โดยบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด สาขากรุงเทพฯ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงเป็นจำนวนมาก จนทำให้บริษัทตัดสินใจขยายวงเงินการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้นจากเดิมจำนวน 6,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีมากกว่าแผนการออกหุ้นกู้ของบริษัทในตอนแรกถึง 3.25 เท่า
อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้รับส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Asset Backed Loans-ABLs) ที่บริษัทลูกในสหรัฐอเมริกาได้กู้ยืมมา การดำเนินการดังกล่าวจึงช่วยบริษัทในการจัดตั้งศูนย์กลางทางการบริหารเงิน (Global Treasury Center) ในประเทศไทย ช่วยทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของทั้งกลุ่มบริษัทดีขึ้น และยังช่วยให้บริษัทสามารถถอนการค้ำประกันสินทรัพย์ที่มีอยู่ที่ได้วางเป็นหลักประกันไว้กับธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวในการเข้าถึงตลาดการเงินในอนาคต