นักวิเคราะห์ตลาดเงินคาด กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายยาวต่อเนื่องถึงสิ้นปี มองค่าเงินบาท H2/59 ยังผันผวน และอาจกลับมาแข็งค่าต้นปีหน้า
น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการผู้บริหารกลุ่มวิเคราะห์ตลาดการเงิน บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% และยังน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ค่อนข้างช้า ต้องอาศัยการประคับประคองจากนโยบายด้านการคลัง และนโยบายด้านการเงิน โดยเชื่อว่า กนง.น่าจะพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยในภาวะที่มีความคับขัน หรือมีความจำเป็นอย่างมากมากกว่า เช่น กรณีการช็อกของเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอกประเทศ
“คาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ตลอดทั้งปี เพราะถ้าดูภาวะเศรษฐกิจไทยยังโตช้า แต่ประคองตัวได้ด้วยนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจุดนี้ ธปท.ออกมาย้ำหลายครั้ง เพราะดอกเบี้ยบ้านเราในระดับปัจจุบัน ต้นทุนการเงินไม่แพง เพียงแต่คนขาดความเชื่อมั่น”
สำหรับแนวโน้มค่าเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ น.ส.รุ่ง ให้กรอบกว้างๆ ไว้ที่ 34.50-36.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมองว่าค่าเงินยังมีความผันผวนจากปัจจัยที่ให้สมมติฐานไว้ว่าอังกฤษไม่ออกจากอียู ส่วนปัจจัยถัดไป คือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่คาดว่ามีความเป็นไปได้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% อย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงไตรมาส 3
พร้อมวิเคราะห์ว่า หากเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยพิจารณาจากปัจจัยข้อมูลเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว ก็เชื่อว่าเฟดคงจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 แล้ว แต่มองว่าการที่เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน เพราะมีความกังวลมาจากปัจจัยที่สำคัญ คือ การที่อังกฤษจะลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ว่าจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) หรือไม่ รวมทั้งกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในช่วงเดือน พ.ย.นี้ด้วย
“เฟดยังกังวลปัจจัยเรื่อง Brexit รวมทั้งเดือน พ.ย.จะมีเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งช่วงที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามา เชื่อว่าเฟดจะไม่ทำอะไรกับดอกเบี้ย น่าจะอยู่เฉยๆ ปกติแล้วการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในอดีตที่ผ่านมา จะไม่ค่อยส่งผลต่อนโยบายการเงิน หรือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเท่าใดนัก แต่รอบนี้มีผลมาก เนื่องจากตัวเก็งประธานาธิบดีมีนโยบายที่แตกต่างกันมาก รอบนี้จึงต่างไปจากทุกครั้ง” น.ส.รุ่ง ระบุ
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า ค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 3/59 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไตรมาส 4/59 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และไตรมาส 1/60 มีโอกาสคาดกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ 35.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
“ต้นปีหน้าบาทจะกลับมาแข็งค่า ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้แข็งค่าไปจากปัจจุบัน เพียงแต่ระหว่างช่วงจากนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า บาทน่าจะเคลื่อนไหวมาก ที่มองว่าต้นปีหน้าจะกลับมาแข็งค่า เพราะเราคิดว่าเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้ 1-2 ครั้งแล้ว ตลาดจะรับรู้ข่าวไปแล้ว และในเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ดี เชื่อว่าภูมิภาคนี้ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักรวมทั้งไทย เศรษฐกิจจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น”