หุ้นปิดบวก 8.81 จุด แนวเดียวกับตลาดภูมิภาค คาดเริ่มมี Sentiment ดีขึ้นหลังคลายกังวล Brexit แต่เชื่อว่า upside ไม่มากแล้วในการไปต่อจนถึงวันที่จะลงประชามติ 23 มิ.ย.นี้ นักลงทุนคงจะ Wait & See เพื่อรอดูผลการลงประชามติจริงก่อน ส่วนประการปชุม กนง.คาดจะคง ดบ.ที่ระดับเดิม
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มมี Sentiment ดีขึ้น จากคลายกังวลเรื่องลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ผลโพลออกมาว่า อังกฤษจะไม่ออกจากอียูมากกว่า ทำให้ภาพรวมดีขึ้น แต่เชื่อ upside ไม่มากแล้วในการไปต่อจนถึงวันที่จะลงประชามติ 23 มิ.ย.นี้ เชื่อว่านักลงทุนคงจะ Wait & See เพื่อรอดูผลการลงประชามติจริงก่อน
สำหรับปัจจัยในประเทศในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ทำให้ประเด็นนี้น่าจะไม่ได้มีนัยต่อตลาดฯ ดังนั้น จึงมองว่าในช่วง 1-2 วันนี้ ตลาดฯ คงจะ Wait & See ไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เข้ามา
ทั้งนี้ ถ้าอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้อาจจะเกิด Panic Sell ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ และน่าจะไม่หลุดแนว 1,380 จุด เพราะกรณีที่เกิดขึ้นนี้มองว่าไม่น่าจะกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของตลาดฯ แต่จะกระทบแค่การเคลื่อนย้ายเงินทุน แต่ถ้าอังกฤษอยู่ในอียูต่อ ก็อาจจะทำให้ตลาด rally ต่อได้ ซึ่งในแง่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดฯ ทางเคจีไอฯ ได้ประเมินเป้าหมายไว้ที่ระดับ 1,500 จุดในปีนี้ ดังนั้น ในแง่การลงทุนอยากให้ยึดที่ปัจจัยพื้นฐานมากกว่า
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะรีบาวนด์กัน ส่วนตลาดในยุโรปที่เทรดในช่วงบ่ายนี้เริ่มพักหลังใกล้วันลงประชามติ โดยตลาดยุโรปเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) ได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว จากการซื้อคืนหลังผลโพลล่าสุดออกมาว่า อังกฤษต้องการจะอยู่ในอียูต่อ
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,430.80 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.62% มูลค่าการซื้อขาย 48,148.17 ล้านบาท
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายสุโชติ กล่าวว่า ดัชนีฯ คงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,450 จุด ซึ่งหากหลุดแนวรับ 1,420 จุด ตลาดอาจลดความเสี่ยง และมีแนวรับถัดไปที่ 1,400 จุด
พร้อมมองหุ้นเด่นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ (H2/59) เป็นหุ้น CPALL จากการมองว่า การบริโภคในประเทศน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นได้ โดยแนะนำหุ้น ANAN AP
นอกจากนี้ ยังแนะนำกลุ่มรับเหมาฯ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากมีประเด็นบวกจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งได้มีการยื่นซองไปแล้ว และยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่คาดว่าจะเปิดขายซองในต้น ก.ค.นี้ จึงแนะนำหุ้น CK BEM อีกทั้งยังแนะนำหุ้น TASCO โดยมองราคายางมะตอยจะฟื้นตัว เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้