กลุ่มซีพีเอ็น ต่อยอดธุรกิจศูนย์การค้า เตรียมผุดคอนโดฯ ตามห้างเซ็นทรัลทั่วประเทศ คาดปลายปีเปิดโครงการใหม่เพิ่ม หลังประสบความสำเร็จจาก 3 โครงการ “เอสเซ็นท์” ระยอง ขอนแก่น เชียงใหม่ มูลค่ารวม 2,735 ล้านบาท ชูจุดขายคอนโดฯ ติดศูนย์การค้า สะดวกสบายชนิดที่คู่แข่งทำไม่ได้
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า ในฐานะที่ซีพีเอ็นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์การค้าเซ็นทรัล 29 สาขาทั่วประเทศ อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมลทล 13 สาขา และในต่างจังหวัด 16 สาขา ซึ่งการพัฒนาศูนย์การค้าในแต่ละทำเลนั้น ล้วนนำความเจริญเข้ามายังพื้นที่ เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ตามมา และเกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีอาคารสำนักงานให้เช่าอีก 7 แห่ง โรงแรม 2 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายต่างพัฒนาที่อยู่อาศัยใกล้เซ็นทรัล และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ดังนั้น บริษัทจึงมีแนวคิดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดินในบริเวณห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเป็นการรองรับความต้องการของผู้บริโภค จึงได้ก่อตั้งบริษัท ซีพีเอ็น เรซซิเด้นซ์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยจะเน้นพัฒนาบนที่ดินของห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นเหลือเกือบทุกสาขา ที่ผ่านมา นำมาทำเป็นลานจอดรถ
“เราได้ต่อยอดธุรกิจโดยนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาให้มีมูลค่ามากขึ้น ด้วยการให้บริษัท ซีพีเอ็น เรซซิเด้นซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของซีพีเอ็น มาดูแลรับผิดชอบพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ติดกับศูนย์การค้า เสริมความสมบูรณ์แบบให้ธุรกิจ สร้างฐานลูกค้าให้แข็งแกร่ง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ รวมถึงสร้างโอกาสในการนำศักยภาพจากกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายในกลุ่มเซ็นทรัล มาสร้างความแตกต่าง มอบความสะดวกสบาย และสิทธิประโยชน์ให้กับลูกบ้านอย่างไม่มีที่ใดทำได้” นายปรีชา กล่าว
สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทหลังจากนี้จะเน้นโครงการขนาดใหญ่แบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส อาทิ ห้างสรรพสินค้า ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม และเลือกทำเลที่จะลงทุน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งปีหลัง
ด้าน ร.อ.กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการพิเศษ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพีเอ็น เรซซิเด้นซ์ จำกัด กล่าวว่า นโยบายการลงทุนของบริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ เน้นโครงการระดับกลางถึงบน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ซึ่งในเบื้องต้นจะเน้นนำที่ดินของศูนย์การค้ามาพัฒนาก่อน หรือหากมีที่ดินที่มีศักยภาพในบริเวณใกล้เคียงศูนย์การค้าก็จะซื้อมาพัฒนา
สำหรับการเลือกที่ดินที่จะลงทุนพัฒนาจะพิจาณาจากศักยภาพของทำเล และราคาที่ดินว่าจะสามารถพัฒนาออกมาตรงกับความต้องการของลูกค้าได้หรือไม่ รวมถึงการเลือกประเภทของที่อยู่อาศัย หากที่ดินของศูนย์การค้าแปลงใดมีราคาสูงเกินไปก็จะไม่นำมาพัฒนา เพราะจะต้องพัฒนาเป็นสินค้าที่มีราคาแพงตาม อาจทำให้ขายได้ยาก นอกจากนี้ ยังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของโครงการ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และอัตราผลตอบแทน ซึ่งตั้งไว้ที่กำไรขึ้นต้น 30-35% และมีกำไรสุทธิประมาณ 10-15%
“บริษัทไม่มีข้อได้เปรียบในการซื้อที่ดินของบริษัทแม่ซีพีเอ็น เพราะจะต้องเสนอซื้อจากราคาตลาด โดยจะพิจารณาจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้รับเป็นหลัก แต่บริษัทจะได้เปรียบในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกจากศูนย์การค้า ซึ่งถือเป็นจุดขายที่ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทแตกต่างจากคู่แข่ง” ร.อ.กรี กล่าว
ทั้งนี้ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เอสเซ็นท์” จำนวน 3 โครงการ ขนาดห้องชุด 23-43 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 73,000 บาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการรวม 2,735 ล้านบาท ซึ่งทุกที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ได้แก่ เอสเซ็นท์ เชียงใหม่ จำนวน 400 ยูนิต ปัจจุบันปิดการขายไปแล้ว เอสเซ็นท์ ขอนแก่น จำนวน 408 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% และเอสเซ็นท์ ระยอง จำนวน 419 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 85% ทั้ง 3 โครงการ คาดว่าจะส่งมอบได้ในไตรมาสแรกปี 2561
การทำตลาดของเอสเซ็นท์ เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ทันสมัย และสะดวกสบายจากศูนย์การค้า ทั้งนี้ เราได้ไปเปิดสำนักงานขายอยู่ในพื้นที่ศูนย์การค้าทั้ง 3 แห่ง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงไลฟ์สไตล์รูปแบบพิเศษ ไม่เหมือนใคร ที่มีเพียงแต่ซีพีเอ็นที่มอบให้ได้
สำหรับแผนการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท โดยได้เสนอโครงการที่อยู่อาศัยไป 5-6 โครงการ คาดว่าจะสามารถสรุป และเปิดขายได้ในช่วงปลายปี หรือในปี 2560
“โครงการที่พักอาศัย เป็นธุรกิจที่ต่อยอดจากศูนย์การค้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของซีพีเอ็น ปัจจุบัน ซีพีเอ็น บริหารศูนย์การค้าทั้งหมด 29 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนการขยายธุรกิจศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงเป็นโอกาสของธุรกิจที่อยู่อาศัยที่จะได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ผสานไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่อยู่ใกล้ศูนย์การค้าที่ได้รับความสะดวกสบาย ในขณะเดียวกัน การมีที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพื้นที่ติดกับศูนย์การค้า เพื่อเพิ่มลูกค้าให้กับศูนย์การค้า เสริมความแข็งแกร่งเพิ่มยิ่งขึ้นด้วย” ร.อ.กรี กล่าว