“คลัง” เตรียมเสนอ “ครม.” พิจารณาแนวทางแก้ไขหนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จ หลังนายกฯ ไฟเขียวงัด ม.44 ลงดาบผู้ทำผิดปล่อยกู้โขกดอกเกิน 15% เจอโทษหนัก แถมได้นอนคุก
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบการแก้ไขหนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้ว โดยให้กระทรวงการคลัง เตรียมรายละเอียดทั้งหมดเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลังจากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.2559
สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขหนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จ จะแก้ไขหนี้นอกระบบ 2 ส่วน ในส่วนแรกเป็นการแก้ไขเจ้าหนี้นอกระบบที่ปล่อยดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด 15% ต่อปี จะมีโทษทั้งทางแพ่ง และอาญา โดยสูงสุดถึงขั้นจำคุก โดยโทษที่ประกาศใหม่ตามมาตรา 44 จะหนักกว่ากฎหมายปกติที่ใช้ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังให้โอกาสเจ้าหนี้นอกระบบ หากยังต้องการปล่อยกู้นอกระบบต่อไปก็ต้องปล่อยกู้ดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี หากต้องการปล่อยกู้เกินกว่านั้น รัฐบาลได้เปิดทางให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาปล่อยกู้ให้ถูกต้อง โดยการเป็นมาจดทะเบียนปล่อยกู้พิโค ไฟแนนซ์ (Pico Finance) คิดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 36% ต่อปี ปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้ได้รายละ 5 หมื่นบาท
ในส่วนที่สอง เป็นการแก้ไขลูกหนี้นอกระบบให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หลังจากที่ไม่สามารถจะกู้นอกระบบได้ปกติ โดยให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะตั้งสำนักงานแก้หนี้นอกระบบทำงานเป็นภารกิจประจำ และจะเป็นส่วนหนึ่งของการการประเมินผลงาน โดยต้องคิดหาวิธีการแก้ไขหนี้นอกระบบอยู่ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งคือ การหาผลิตภันฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าถึงสินเชื่อของธนาคาร
ขณะเดียวกัน จะมีการตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบในทุกจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งจะเชิญเจ้าหนี้ และลูกหนี้นอกระบบที่มีวงเงินสูง และตกลงกันไม่ได้มาไกล่เกลี่ย หลังจากนั้น ก็ส่งลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบสินเชื่อของธนาคารออมสิน หรือ ธ.ก.ส. หรือจะเป็นลูกหนี้กับเจ้าหน้ารายเดิมก็ได้แต่ต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกินกฎหมายกำหนด