โรงพยาบาลลาดพร้าว งวดนี้อวดรายได้ 339.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.11% โกยกำไร 42.15 ล้านบาท พุ่ง 183.12% “ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช” มั่นใจรายได้ปี 59 โตตามเป้าหมาย 15% สาเหตุหลักค่าใช้จ่ายบุคลากรลดลง Excellent Center หนุน
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2559 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559) ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 339.08 ล้านบาท เติบโตดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 47.05 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.11 โดยรายได้หลักจากการรักษาพยาบาลและให้บริการเติบโตร้อยละ 11.94 เป็นผลจากผลประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 10.09 และรายได้จากการให้บริการของบริษัทย่อย (AMARC) เติบโตขึ้นร้อยละ 34.64 สำหรับรายได้อื่นเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 776.09 มีสาเหตุหลักจากรายได้จากการบริหารเงินลงทุนของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 42.15 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 27.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 183.12 เนื่องจากมีกำไรขั้นต้น จำนวน 81.93 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 28.26 จากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องภายใต้การควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และการเติบโตของรายได้จากการบริหารเงินลงทุนของบริษัทฯ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2559 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรทั้งแพทย์ และพยาบาลได้ปรับลดลง หลังจากที่ได้รับบุคลากรด้านการแพทย์เข้ามามากในช่วงปลายปี 2557 พร้อมกันนี้ จากการเปิดบริการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) 5 ศูนย์ ได้แก่ คือ ตา ทางเดินอาหาร กระดูกข้อ สมอง และผิวหนัง เริ่มมีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และเป็นบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม และค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งก็มากขึ้น ทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้นตามไปด้วย
ปัจจุบัน คนไข้ของโรงพยาบาลลาดพร้าว มีจำนวน 2 แสนคนต่อปี ซึ่งเป็นลูกค้าในประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยมีลูกค้าต่างประเทศ 1-2% เท่านั้น แต่หวังว่าจากการที่เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะเป็นโอกาสที่จะขยายฐานให้ลูกค้าใน AEC เข้ามาใช้บริการมากขึ้นอีกทางหนึ่ง อีกทั้งทางโรงพยาบาลไม่ห่วงเรื่องของการดึงบุคลากร แต่มองว่าเป็นช่องทางในการที่โรงพยาบาลจะดึงบุคลากรจากต่างประเทศเข้ามากกว่า เพราะการที่ได้เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่แบรนด์ของโรงพยาบาล
“LPH มีจุดแข็งคือ อยู่ในธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ และเติบโตอย่างมั่นคง ประกอบกับเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจน้อย มีประสบการณ์ในการรักษายาวนานถึง 22 ปี อีกทั้งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ LPH เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” ดร.อังกูร กล่าว