โฮม พอตเทอรี่ ผนึกพันธมิตรนิวซีแลนด์ ตั้งบริษัทร่วมทุน Central Hospitality ลุยขยายตลาด ช่องทางจำหน่าย เจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรมร้านอาหารในประเทศ และ AEC พร้อมบุกตลาดค้าปลีกสำหรับลูกค้ากลุ่มครัวเรือนครั้งแรก โดยส่ง PE’TYE เปิดตัวในเซ็นทรัลกว่า 7 สาขา ชี้ไตรมาส 2 โตต่อเนื่องหลังภาพรวมตลาดเซรามิกขยายตัว เผยผลประกอบการไตรมาส 1/59 รายได้รวม 25.18 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.27 ล้านบาท มั่นใจรายได้รวมปีนี้โต 15-25%
น.ส.นิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าในประเทศไทยว่า บริษัทมีการอนุมัติการลงนามในสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศนิวซีแลนด์ จัดตั้ง บริษัท Central Hospitality จำกัด อย่างเป็นทางการ เพื่อจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ และอุปกรณ์สำหรับโรงแรม ร้านอาหาร ทั้งในประเทศ และภูมิภาคอาเซียน (AEC) โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุน จำนวน 30 ล้านบาท หรือร้อยละ 75% ของทุนจดทะเบียนบริษัทมูลค่า 40 ล้านบาท
“พันธมิตรนิวซีแลนด์รายนี้เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการกระจายสินค้า และยังมาช่วยทำตลาดในไทยร่วมกันด้วย การที่เราร่วมทุนกันครั้งนี้ทาง HPT และพันธมิตรมีแผนการขยายตลาด และช่องทางการจัดจำหน่ายร่วมกันเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโรงแรม และร้านอาหาร เสริมสร้างธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน” น.ส.นิจวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศสำหรับกลุ่มลูกค้าครัวเรือนเป็นครั้งแรก โดยนำผลิตภัณฑ์เซรามิกไฟน์ ไชน่า แบรนด์ PE’TYE วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 7 สาขา เช่น สาขาลาดพร้าว ชิดลม ปิ่นเกล้า เซ็นทรัลเวิลด์ พระราม 2 พระราม 3 และบางนา โดยเริ่มวางจำหน่ายเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และคาดว่าจะส่งผลทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่องทางดังกล่าว โดยบริษัทมีแผนจะขยายการช่องทางการจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าครัวเรือนในส่วนห้างค้าปลีกเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 บริษัท มองว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิกในปัจจุบันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่อาจไม่มากนัก ซึ่งดูจากสถิติการส่งออกไตรมาส 1/58 เทียบกับไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้นประมาณ 2%
ขณะที่สัดส่วนรายได้ในปัจจุบัน แบ่งเป็นต่างประเทศ 98% ซึ่งมีรายได้หลักมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รองลงมา คือ ยุโรป และออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอีก 2% เป็นสัดส่วนรายได้จากในประเทศ และกลุ่ม AEC โดยบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ในประเทศ และกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มขึ้นเป็น 4% ในปี 60 เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยว และการโรงแรม ซึ่งประเทศที่สนใจ ได้แก่ ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา สิงคโปร์ และมาเลเซีย
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/59 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 25.18 ล้านบาท ลดลง 5.24 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวมที่ 30.43 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.27 ล้านบาท โดยรายได้ของบริษัทมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีสินค้าระหว่างทางที่ส่งออกจากโรงงานแล้วในไตรมาส 1/59 แต่รอรับรู้รายได้มูลค่า 4.26 ล้านบาท และสินค้าสำเร็จรูปรอนำส่งออกอีก 4.08 ล้านบาท ส่งออกต้นเดือน เม.ย.59
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ส่งออกล่าช้าเนื่องจากมีออเดอร์สินค้าที่มีลักษณะดีไซน์หลากหลายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือ เช่น งานวาดสีต่างๆ ทำให้มีการเพิ่มขั้นตอน และมีความซับซ้อนในการผลิตมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเติบโตปี 59 บริษัทมั่นใจว่า รายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 15-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 115.12 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการจำหน่ายสินค้ามากขึ้นตามกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 30-35% และอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 10-15%