เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ มั่นใจหุ้นเข้าเทรดวันแรก 12 พฤษภาคมนี้ เหนือจองจากราคา IPO ที่ 6.00 บาท หลังโบรกเกอร์ออกบทวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมสูงสุดที่ 8.40 บาทต่อหุ้น เหตุเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีทิศทางการเติบโตโดดเด่นจากการต่อยอดธุรกิจสู่ธุรกิจ E-Commerce และดิจิตอล อินชัวรันซ์ ที่กำลังมาแรง และมีโอกาสเติบโตสูงตามกระแส E-Commerce และ FinTech รวมถึงธุรกิจเดิมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นใจหนุนราคาหุ้น ASN ยืนเหนือจองได้
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN ผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยถึงการซื้อขายหุ้น ASN วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ว่า มั่นใจว่าหุ้น ASN ที่เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน และสามารถยืนเหนือราคาจองได้ เพราะบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนจากที่บริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมประกันภัย และประกันชีวิตในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประการสำคัญอยู่ในกระแสฟินเทค (Financial Technology) ที่กำลังมาแรง และกำลังเข้าสู่ธุรกิจ E-Commerce และดิจิตอล อินชัวรันซ์ ซึ่งการพัฒนา Platform E-Commerce จะทำให้ ASN สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และครบวงจร ถือเป็นการพลิกโฉมธุรกิจของบริษัทฯ สู่ดิจิตอลโบรกเกอร์อย่างแท้จริง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี
“เชื่อว่าทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างเด่นชัดของ ASN บวกกับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจเพื่อเข้าสู่ธุรกิจ E-Commerce และดิจิตอล อินชัวรันซ์ อย่างเต็มตัว รองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลที่หันมาซื้อสินค้า และบริการผ่านอินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟนมากยิ่งขี้น ถือเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจเชิงรุกเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล โดยมีมีค่าเบี้ยประกันรถยนต์ และประกันชีวิตรวมกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีแผนการลงทุนในการพัฒนา Platform E-Commerce และแผนการเพิ่ม Seat ของพนักงานขายทางโทรศัพท์อีก จำนวน 100 seat เพื่อให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และให้บริการได้อย่างครบวงจร และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ ในด้านต่างๆ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตเป็นหลัก ซึ่งในฐานะผู้บริหารขอยืนยันว่า จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นายธวัชชัย กล่าว
น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอย่างมั่นใจว่า หุ้น ASN ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และยืนเหนือราคาจองได้ เนื่องจากในการจองซื้อหุ้นสามัญที่เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 30 ล้านหุ้นที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก และมีความต้องการจองล้นมาก ทำให้มั่นใจว่า จะมีนักลงทุนตามเข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อลงทุน และรับผลตอบแทนในระยะยาว เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีทิศทางการเติบโตอย่างโดดเด่นจากการเข้าสู่ธุรกิจนายหน้าดิจิตอล อินชัวรันซ์ ของบริษัทฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทฯ มีแผนในการนำเม็ดเงินจากการขาย IPO ที่ได้รับไปใช้ทั้งขยายธุรกิจเดิม ด้วยการขยาย Seat พนักงานขายทางโทรศัพท์อีก 100 Seat ซึ่งจะทำให้รายได้จากช่องทางการขายเดิมของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ และนำไปต่อยอดธุรกิจใหม่ด้วยโครงการพัฒนาระบบ E-Commerce ที่จะเป็นการต่อยอดการพัฒนา Platform ในการขายประกันออนไลน์อย่างครบวงจร สามารถเสนอบริการ One Stop Service ให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลด้านประกัน การเปรียบเทียบ การสั่งซื้อ การชำระเงิน รวมไปถึงการรับกรมธรรม์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างหลากหลาย และตรงตามความต้องการในราคาที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัว และเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2559 และเติบโตต่อเนื่องระยะยาว จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้หุ้น ASN ยืนเหนือราคาจองได้
ทั้งนี้ บริษัท ASN เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 30 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.00 บาท เมื่อวันที่ 27-29 เมษายนที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 130 ล้านบาท ราคา IPO มี P/E ส่วนลดจาก P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ย้อนหลัง 12 เดือนประมาณ 45% นักวิเคราะห์ 3 แห่ง ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.ทรีนีตี้ จำกัด และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ย 8.30 บาทต่อหุ้น และให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 8.40 บาทต่อหุ้น สะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง