xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์คาดเฟดจะปรับขึ้น ดบ.ปลายปี 0.25% ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์วิจัย ศก.และธุรกิจ ธ.ไทยพาณิชย์ คงจีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ 2.5% ผลจากส่งออกติดลบ 2.1% และการบริโภคยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น ต้องหวังพึ่งการลงทุนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การเบิกจ่ายโครงการขนาดใหญ่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เม็ดเงินจึงเข้าสู่ระบบค่อนข้างน้อย พร้อมคาด กนง.ยังคง ดบ.นโยบาย และเฟดจะปรับขึ้น ดบ.ปลายปี 0.25% ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่า

นางสุทธาภา อมรวิวัฒน์ รองผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุด ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ หรืออีไอซี โดยระบุว่า ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.5 เป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่เชื่อว่าทั้งปีจะหดตัวที่ร้อยละ 2.1 เป็นการหดตัวอย่างต่อเนื่องจากปีแล้ว จากเดิมคาดว่าไม่ขยายตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้เดิม

ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีสัญญาณฟื้นตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังเปราะบาง รวมทั้งนโยบายการเงินของยุโรป และญี่ปุ่นยังขาดประสิทธิภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่จีนมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างกระทบสินค้าส่งออกของไทย เพราะจีนมีการนำเข้าวัตถุดิบจากไทยน้อยลง โดยคาดว่า การส่งออกของไทยต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะฟื้นตัว และแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น แต่การส่งออกของไทยยังฟื้นยากเนื่องจากสินค้าที่ไทยผลิตยังล้าสมัย

ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องจากรายได้ของครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมานาน คาดการบริโภคภาคเอกชนจะโตเพียงร้อยละ 1.9 รายได้ภาคครัวเรือนยังได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจากภัยแล้ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้การบริโภคในประเทศฟื้นตัวได้ยาก ประกอบกับการจ้างงานเริ่มมีการลดการทำงานล่วงเวลา หรือโอที ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ทำให้รายได้น้อยลง บวกกับสินทรัพย์ภาคครัวเรือนของไทยมีไม่ถึงร้อยละ 10 ที่เป็นสินทรัพย์ผันเป็นเงินสดได้ ดังนั้น หากเกิดภาวะช็อกของรายได้จะกระทบความสามารถการชำระหนี้แน่นอน

ดังนั้น ต้องหวังพึ่งการลงทุนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่จะเป็นตัวเรียกความเชื่อมั่น โดยคาดว่าการลงทุนภาครัฐจะโตถึงร้อยละ 11 จากเดิมคาดโตร้อยละ 9 เพราะที่ผ่านมา แม้รัฐมีการเร่งเบิกจ่ายแต่เป็นโครงการลงทุนขนาดเล็ก ดังนั้น เม็ดเงินจึงเข้าสู่ระบบค่อนข้างน้อย

ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าปีนี้จะกลับมาเป็นบวก โดยขยายตัวที่ร้อยละ 0.4 เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในนตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้น และจะเคลื่อนไหวที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายปีนี้ เพราะจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นร้อยละ 0.25 ในปลายปีนี้ ทำให้ค่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 เหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น