xs
xsm
sm
md
lg

“คลัง” มั่นใจอันดับ Doing Business ไทยขยับขึ้น “สมคิด” เชื่อเวิลด์แบงก์เน้นศักยภาพมากกว่าดูจีดีพี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“รมว.คลัง” มั่นใจอันดับ Doing Business ไทยปีนี้ขยับขึ้นได้ หลังจี้หน่วยงานรัฐเร่งปรับปรุงขั้นตอนทำงานอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาได้ถึงเกณฑ์ ซึ่งเวิลด์แบงก์จะประกาศ 1 มิ.ย.นี้ “สมคิด” เชื่อเวิลด์แบงก์มีความพอใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา และปฏิรูประบบต่างๆ ของไทย และต้องการให้ไทยมีการดำเนินงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการขยายตัวของจีดีพีมากนัก แต่กลับมองไปที่การพัฒนาประเทศว่ามีทิศทางเป็นอย่างไรมากกว่า

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการยกระดับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยระบุว่า มั่นใจมากว่าในปี 2559 ภายหลังการประเมินของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ไทยจะมีอันดับที่ดีขึ้นแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้มีการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจให้มีความสะดวกมากขึ้น

“เราทำงานในส่วนนี้มาเกือบ 6 เดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคเอกชนด้วย เริ่มจากการตั้งโจทย์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำงาน หลักคือ ทำอย่างไรให้การทำธุรกิจมีความสะดวกที่สุด โดยหลายระบบก็มีความเชื่อมโยงต่อระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งความก้าวหน้าในส่วนนี้มีเยอะมาก”

รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้หวังแค่เพียงการขยับอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำธุรกิจในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง เนื่องจากมองว่าในระยะต่อไป ภาคเอกชนจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คงจะหวังพึ่งรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะรัฐบาลจะลดบทบาทลงมาเป็นผู้ดูแล ให้แก้ปัญหาเพื่อให้การทำธุรกิจในทุกส่วนมีความสะดวกมากขึ้น

ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าจะทำให้เอกชนทั้งใน และต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งไทยเองจะได้เปรียบประเทศอื่นมากกว่า เพราะมีสภาพแวดล้อมที่ดี รวมถึงที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้เร่งดำเนินการด้านภาษี เช่น ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 20% ปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา น่าจะเป็นตัวสร้างแรงจูงใจในการลงทุนได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ในช่วงเดือน พ.ค.59 รัฐบาลมีแนวคิดที่จะจัดงานเพื่อชี้แจง และทำความเข้าใจกับภาคเอกชนเกี่ยวกับความพยายามในการยกระดับขีดความสามารถในการทำธุรกิจของประเทศไทย โดยส่วนราชการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจะต้องทำหน้าที่ในการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางการยกระดับความสะดวกในการทำธุรกิจ โดยเริ่มตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ และภายใน 30 ก.ย.นี้ จะมีการเชื่อมโยงระบบการขออนุญาตการก่อสร้างระบบไฟฟ้า และประปาด้วย ขณะที่ระบบการเสียภาษีก็จะมีการลิงก์ข้อมูลของเว็บไซต์กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกระทรวงการคลัง เพื่อให้เกิดความสะดวกในการยื่นภาษี และภายในสิ้นปีนี้จะรวมเว็บไซต์ของกรมศุลกากรด้วย

ส่วนระบบการจ่ายเงินของลูกจ้างของสำนักงานประกันสังคมนั้น คาดว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะสามารถรวมไว้ที่จุดเดียวผ่านระบบออนไลน์ และให้มีการส่งเอกสารไปยังธนาคารก่อนมีการส่งต่อไปยังสำนักงานประกันสังคมอย่างเป็นระบบมากขึ้น ขณะที่การนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ผ่านมา กรมศุลกากร ได้พยายามแก้ปัญหาเพื่อลดระยะเวลาการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้ส่วนนี้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่วนการปิดกิจการนั้น ที่ผ่านมา กรมบังคับคดีได้มีการปรับปรุงกฎหมายล้มละลาย เพื่อให้การดำเนินงานในส่วนนี้เป็นสัดส่วนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มั่นใจว่า ความพยายามในการยกระดับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ของไทยในปีนี้ และปีหน้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพยายามในการแก้ไขประเด็นปัญหาทั้ง 10 ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่ธนาคารโลกได้กำหนดไว้ โดยบางประเด็นมีความคืบหน้าไปแล้ว 8-9 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน และมีบางประเด็นคืบหน้าไป 7-8 คะแนน

“ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เอาข้อมูล และข้อสรุปทั้งหมดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อใช้หารือกับทางเวิลด์แบงก์ และให้มีการนำข้อมูลลงเว็บไซต์เพื่อเปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ามาติดตามรายละเอียดได้”

ทั้งนี้ ทางเวิลด์แบงก์ได้มีการติดตามแนวทางการพัฒนา และปฏิรูประบบต่างๆ ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้มีการชี้แจงเพื่อให้รับทราบรายละเอียดว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามสร้างความยั่งยืน และพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างความเติบโต และยกระดับภาคเกษตร รวมไปถึงความพยายามในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ด้วยการแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่อให้มีการดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

โดยส่วนตัวมองว่า เวิลด์แบงก์มีความพอใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา และปฏิรูประบบต่างๆ ของไทย และต้องการให้ไทยมีการดำเนินงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเวิลด์แบงก์ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการขยายตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) มากนัก แต่กลับมองไปที่การพัฒนาประเทศว่ามีทิศทางเป็นอย่างไรมากกว่า

ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายขยับอับดับการสะดวกจัดอันดับจากภาพรวมความยากง่ายในการประกอบธุรกิจจากอันดับ 49 ในรายงาน Doing Business ปี 2016 ให้ขยับมาอยู่ในอันดับที่ 28 ในปีข้างหน้า เนื่องจากเวิลด์แบงก์จะกลับไปประมวลข้อมูล และประกาศผลวันที่ 1 มิถุนายน 2559 นี้

สำหรับความพยายามในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมานั้น นายสมคิด เชื่อว่า ความพยายามของไทยน่าจะเข้าใกล้จุดที่จะได้รับการอภัยแล้ว หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามในการแก้ไขปัญหา ขณะที่ภาคเอกชนเองควรต้องลดความเห็นแก่ตัวลงบ้าง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็อย่าไปทำ




กำลังโหลดความคิดเห็น