ซี.ไอ.ที. ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุขภัณฑ์ห้องน้ำ แบรนด์ “คูโดส” ระบุตลาดรวมสุขภัณฑ์ชะลอตัวตามอสังหาฯ คาดปี 59 เติบโตไม่เกิน 3% ทรงตัวเท่ากับ 1-2 ปีก่อนหน้า พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรม ขยายฐานลูกค้าใหม่ ประกาศจับมือ “ซังเอ” ผู้ผลิตเครื่องใช้ห้องน้ำท็อป 5 ญี่ปุ่น พัฒนาสินค้ากลุ่มนวัตกรรมใหม่ หวัง 5 ปี ขึ้นเป็นท็อปไฟว์ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% วางเป้าปี 59 ยอดขาย 300 ล้านบาทโต 10%
นายสันติ ศรีวิชาญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.ไอ.ที จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุขภัณฑ์ห้องน้ำแบรนด์คูโดส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดสุขภัณฑ์ในบ้านใหม่ และโครงการใหม่จะหดตัวลง แต่หากมองในภาพรวมแล้วตลาดสุขภัณฑ์ยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวอยู่ในระดับ 2-3% เท่าๆ กับในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า โดยการขยายตัวของตลาดในปีนี้เกิดจากกลุ่มบ้านเก่า ซึ่งมีการปรับปรุง ซ่อมแซม โดยตลาดในกรุงเทพฯ เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตได้ดีกว่า ต่างจังหวัด ซึ่งมีกำลังซื้อชะลอตัวโดยเฉพาะภาคเหนือกับอีสาน
“ปัจจุบันตลาดสุขภัณฑ์มีมูลค่ารวมประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท โดยคาดว่าในปีนี้อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 3% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาโต 2-3% เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่”
จากแนวโน้มและทิศทางตลาดดังกล่าว ในปีนี้บริษัทจึงมีการปรับแผนธุรกิจเพื่อรับมือต่อภาวะตลาด และผลักดันด้านยอดขายให้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้จับมือร่วมกับบริษัทซังเอ ผู้ผลิตเครื่องใช้ห้องน้ำอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนา และแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ด้านนวัตกรรม พร้อมชูจุดขายทางด้านฟังก์ชันนัล เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการใช้สินค้าที่เป็นมากกว่าแค่สุขภัณฑ์ โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวสุขภัณฑ์ใหม่ 10 รายการ ซึ่งสอดคล้องเป้าหมายการเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่จาก 5% เพิ่มเป็น 30% ใน 5 ปีล่าสุด ได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มสกินแคร์ซีรีส์ ฝักบัวกรองคอลรีน ก๊อกน้ำคอลัมน์กรองคอลรีนใช้งานในห้องครัว
นายสันติ กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกค่อนข้างซบเซา บริษัทจึงเน้นให้ความสำคัญต่อการทำตลาดให้กว้างมากขึ้น โดยได้ออกผลิตภัณฑฒใหม่ที่เจาะกลุ่มผู้ออกแบบตกแต่งภายใน รวมทั้งเจาะผู้ซื้อทั่วไป ส่วนกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ก็มีแผนขยายตลาดมากขึ้น โดยขณะนี้บริษัทได้เริ่มเจรจรากับผู้ประกอบการโครงการอสังหาฯ แล้วหลายๆ ราย โดยวางเป้าว่าในระยะ 5 ปี บริษัทจะมียอดขายจาก 3 ช่องทางดังกล่าวว่าจะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่ม 10-20% เป็น 50% ขณะที่ช่องทางค้าปลีกจะมีสัดส่วน 50% ลดลงจากในปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 80-90%
นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ไป บริษัทยังจะมีการขยายไลน์สินค้าในกลุ่มสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ครอบคลุมทุกตลาด จากปัจจุบันมีสินค้าเฉพาะก๊อกน้ำเพียงกลุ่มเดียว เพื่อให้สอดรับต่อเมกะเทรนด์ของตลาด 3 ด้าน ซึ่งบริษัทได้มีการทำวิจัยมา และพบว่า เมกะเทรนด์ของตลาดสุขภัณฑ์ในปัจจุบันที่น่าจับตา คือ 1.กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่า หลังปี 2569 ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มจาก 6 ล้านคน เป็น 10 ล้านคน ซึ่งจะทำให้มีความต้องการใช้สุขภัณฑ์ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นแน่นอน 2.กลุ่มสินค้าดิจิตอล และ 3.สินค้าที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน ขณะเดียวกัน บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนให้ครบคลุม 10 ประเทศ ภายใน 5-10 ปี จากที่ปัจจุบันส่งออกไป 4 ประเทศ ได้แก่ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา
ทั้งนี้ ในปี 2558 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวมอยูที่ 250 ล้านบาท จากการขายผ่านช่องทางค้าปลีกในกลุ่มโมเดิร์นเทรนด์ชั้นนำ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 200 ร้านค้า ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 300 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าปี 2563 จะมียอดขายรวมอยู่ที่ 500 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 10% เป็น 20% ในตลาดสุขภัณฑ์ระดับกลางและบน ขณะที่ส่วนแบ่งโดยรวมคอตโต้มีส่วนแบ่ง 30-40% อเมริกาสแตนดาร์ด 15-20% และโคห์เลอร์ 10% รายได้จากการส่งออกในตลาดอาเซียนเพิ่มจาก 5% เป็น 10-15%