xs
xsm
sm
md
lg

“ตราเพชร” เร่งกระตุ้นตลาดอิฐมวลเบา ชูจุดเด่นลดความร้อนภายในอาคาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สาธิต สุดบรรทัด
“ตราเพชร” มุ่งดันกลุ่มสินค้าอิฐมวลเบารับเทรนด์อาคารประหยัดพลังงานมาแรง ช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้ดี พร้อมจัดฝึกอบรมสัมมนาให้ความรู้แก่ช่างก่อสร้าง หวังขยับสัดส่วนการใช้อิฐมวลเบาในตลาดผนังเพิ่มจาก 10% ของมูลค่าตลาดรวม 30,000 ล้านบาท

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา และบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร” เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่เหลือของปีนี้ว่า บริษัทฯ วางแผนผลักดันการขายสินค้าในกลุ่มอิฐมวลเบาภายใต้แบรนด์ “ไดมอนด์บล็อก” ที่เป็นวัสดุทดแทนอิฐมอญในการก่อผนัง โดยเน้นผลักดันสินค้าในรูปแบบอิฐมวลเบาแบบก้อน และแบบแผ่นผนังมวลเบา (Wall Panel) คานทับหลังมวลเบาสำเร็จรูป เนื่องจากมองเห็นโอกาสขยายตลาดจากการนำอิฐมวลเบาไปใช้ในการก่อผนังจำนวนมาก

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์ด้านความหลากหลายของตัวผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา พร้อมนำเสนอการขายสินค้าในลักษณะรูปแบบแพกเกจกับสินค้าวัสดุก่อสร้างประเภทอื่นๆ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคา และไม้สังเคราะห์ ให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเน้นการจัดฝึกอบรม และสัมมนาให้ความรู้แก่ช่างฝีมือ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัด เพื่อนำเสนอรายละเอียด และจุดเด่นของคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคารได้ดีกว่าอิฐมอญถึง 4-8 เท่า จึงเหมาะต่อสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย และเทรนด์การก่อสร้างบ้าน และอาคารประหยัดพลังงานในปัจจุบัน โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าถึง 25% และระยะเวลาการก่อสร้างได้รวดเร็วกว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในด้านก่อสร้างได้อีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งขยายตลาดผ่านช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุสมัยใหม่ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคเพิ่มเติม โดยเฉพาะสาขาในจังหวัดที่มีชาวต่างชาติเข้ามาปักหลักสร้างถิ่นฐานในประเทศไทย เนื่องจากมีความเข้าใจในคุณสมบัติของอิฐมวลเบาที่ดีอยู่แล้ว โดยคาดว่าด้วยแผนงานดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างผนังอาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดอิฐมวลเบาที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนคิดเป็น 10% จากตลาดรวมผนังโดยรวมที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท

“อิฐมวลเบายังมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนใช้งานเพื่อก่อสร้างผนังอาคารทดแทนการใช้อิฐมอญได้อีกมาก เนื่องจากคุณสมบัติที่มีความโดดเด่นมากกว่าหลายด้าน เราจึงเร่งสื่อสารสร้างความเข้าใจให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภค และทีมช่างที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อให้ทราบถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ในด้านประหยัดพลังงาน พร้อมอบรมทีมช่างให้มีความชำนาญการก่อฉาบอิฐมวลเบา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้อิฐมวลเบาในการนำไปใช้ก่อสร้างผนังอาคารมากยิ่งขึ้น” นายสาธิต กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น