ผลิตภัณฑ์ตราเพชร โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/58 ทำกำไรสุทธิ 67.56 ล้านบาท หลังบริหารจัดการต้นทุนการผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับ Product Mix ดันยอดขายสินค้าจากกลุ่มที่มีกำไรขั้นต้นที่ดี และตลาดต่างประเทศยังเติบโตได้โดดเด่น พร้อมรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตใกล้เคียงที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด
นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา และบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร” เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 (กรกฎาคม-กันยายน) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 67.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้อยู่ที่ 939.71 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่เติบโตมาจากบริหารจัดการด้านต้นทุนผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน การดำเนินงานด้านการตลาดที่ได้ปรับ Product Mix โดยเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ ที่เน้นอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดี ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลง จึงช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการเติบโตกำไรสุทธิได้ดี
ทั้งนี้ จากภาพรวมของผลการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่ DRT ยังสามารถผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิที่ทำได้ 272.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่รายได้อยู่ที่ 3,256.32 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเป็นผลมาจากภาวะตลาดค่อนข้างชะลอตัว และการแข่งขันที่รุนแรง จึงหันมาเน้นทำตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าปีนี้มีการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก และทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตสินค้าให้อยู่ใกล้เคียงที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 982,000 ตัน
“เราพอใจต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าภาพรวมตลาดจะชะลอตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และการแข่งขันขันที่รุนแรงส่งกระทบต่อตัวเลขยอดขายไปบ้าง แต่ DRT ยังสามารถรักษาอัตราการทำกำไรสุทธิให้เติบโตได้ดีกว่าปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตสินค้า เพื่อรักษาตัวเลขกำไรสุทธิของเราให้สามารถเติบโตได้ดี และเป็นที่พอใจแก่นักลงทุนได้” นายสาธิต กล่าว
กรรมการผู้จัดการ DRT กล่าวอีกว่า แนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย หลังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอย และการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยแนวทางทำตลาดของ DRT นั้นจะเน้นชูสินค้าที่หลากหลายครบครันสามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ทั้งหลัง เพื่อนำเสนอให้แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางขายร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อย ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมการให้บริการทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ ขณะเดียวกัน ยังมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของตลาดส่งออก ซึ่งเชื่อว่าด้วยแนวทางดังกล่าวจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีหลังของปีก่อนหน้านี้