xs
xsm
sm
md
lg

ประสานพลังประชารัฐ ลุยพัฒนาประเทศในทุกด้าน ผลักดันไทยติดอันดับน่าลงทุน TOP 20 ของโลกใน 2 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รัฐบาลมั่นใจไทยขยับอันดับประเทศที่น่าสนใจลงทุนได้ใน 2 ปี รองนายกฯ ระบุ ความร่วมมือรัฐ-เอกชนผ่านโครงการประชารัฐ ช่วยพัฒนาประเทศก้าวกระโดด ขณะที่ภาครัฐ และเอกชนประสานพลังประชารัฐ พัฒนาประเทศในทุกด้านเอื้อต่อการลงทุน หวังติดอันดับน่าลงทุน TOP 20 ของโลกใน 2 ปีข้างหน้า

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การทำงานของคณะกรรมการสานพลังประชารัฐทั้ง 12 คณะ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับเอกชน จะสามารถช่วยพัฒนาในด้านต่างๆ ของประเทศได้ โดยตอนนี้มีความคืบหน้าทั้งในส่วนของการปฏิรูปภาคการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า การพัฒนาด้านการศึกษาที่จะใช้บุคลากรทางด้านอาชีวศึกษาในกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ และการปรับปรุงข้อกฎหมายสำคัญเพื่อให้ภาคธุรกิจเดินหน้าได้อย่างสะดวก

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าหากดำเนินการได้เร็วภายใน 2 ปี จะช่วยให้ประเทศไทยขยับอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 49 ขึ้นมาอยู่ใน 20 อันดับแรก ซึ่งจะส่งผลดีระยะยาวแม้จะมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล

สำหรับการประชุมคณะทำงานสานพลังประชารัฐ ของคณะกรรมการสานพลังประชารัฐทั้ง 12 คณะ เพื่อประสานการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับเอกชน รองนายกฯ ระบุว่า สามารถช่วยพัฒนาในด้านต่างๆ ของประเทศ ขณะนี้ได้มีความคืบหน้าทั้งในส่วนของการปฏิรูปภาคการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า การพัฒนาด้านการศึกษาเพื่อใช้บุคลากรทางด้านอาชีวศึกษาในกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ และการปรับปรุงข้อกฎหมายสำคัญเพื่อให้ภาคธุรกิจเดินหน้าได้อย่างสะดวก

“คาดว่าหน่วยงานภาครัฐจะร่วมกันปรับปรุงทั้งระบบได้ภายใน 2 ปี เพื่อขยับอันดับของไทยในเรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 49 ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 1 ใน20 ของโลก แม้ต้องปรับเปลี่ยนรัฐบาลในช่วงต่อไป”

นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานคณะทำงานสานพลังงานประชารัฐภาคเอกชน กล่าวว่า การพัฒนาด้านนวัตกรรมจะเป็นส่วนสำคัญให้ธุรกิจประสบความสำเร็จขององค์กรขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ หรือแม้แต่วิสาหกิจชุมชน ดังนั้น เมื่อภาคเอกชนรายใหญ่ได้มุ่งเน้นการลงทุนทำวิจัยและพัฒนา การเพิ่มนักวิจัยในตลาดให้มากขึ้น จากปัจจุบันอยู่แค่ 40,000 คน หรือ 10.5 คนต่อ 1 หมื่น ให้เทียบเท่ากับประเทศอื่น ซึ่งมีจำนวน 70 คนต่อ 1 หมื่น เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ จะช่วยสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มสตาร์ทอัป โดยในวันที่ 28 เมษายน 2559 จะเป็นการจัดงานให้ความรู้ และข้อมูลให้กับธุรกิจในกลุ่มนี้

นายสุพันธ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เตรียมลงพื้นที่กับสถาบันการศึกษา 138 แห่ง เพื่อเข้าไปให้ความรู้แก่นักเรียน นักศึกษาต่อยอดนวัตกรรม และ sme เพื่อให้เห็นภาพนวัตกรรมใหม่ที่จากคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด จึงต้องให้ความสำคัญปฏิรูปการศึกษา ประสานความรวมมือจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อนำผลการศึกษาพัฒนาด้านต่างๆ ทัดเทียมนานาชาติ

ด้าน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนพร้อมสนับสนุนการนำเทคโนโลยีใหม่มาสร้างมูลค่าเพิ่มในกลุ่มเกษตรกร และส่งเสริมให้รวมตัวกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งได้ในชุมชน
กำลังโหลดความคิดเห็น