ผู้บริหาร ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แจงการดึง CTBC Bank แบงก์อันดับ 1 ของไต้หวันเข้าร่วมธุรกิจโดยเข้าถือหุ้น 35.6% เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน คาดเสร็จดีล Q3 ปีนี้ และจะมีทีมของไต้หวัน 3-4 คน เข้ามาร่วมบริหาร โดยการร่วมทุนครั้งนี้จะทำให้ฐานเงินทุนของ ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โตมากกว่าเท่าตัว หรือกว่า 3.2 หมื่นล้าน โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นจาก 10.2% ณ สิ้นปี 2558 เป็น 21.3% สูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์
นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับ CTBC Bank สถาบันการเงินจากไต้หวัน โดยทาง CTBC Bank ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายบุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นมูลค่า 16,599 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.6 โดยเป็นสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าความร่วมมือเป็นพันธมิตรร่วมทุนในครั้งนี้จะแล้วเสร็จปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากนั้น CTBC Bank จะมีผู้บริหาร 3-4 คน เข้ามาร่วมเป็นกรรมการเพื่อดูแลธุรกิจด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล ดิจิตอล แบงกิ้ง และสินเชื่อธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ (เทรดไฟแนนซ์) ซึ่ง mk' CTBC Bank ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อเข้ามาดูแลด้านเงินทุนให้แก่บริษัทไต้หวันที่ทำธุรกิจในไทยกว่า 3,000 แห่ง
สำหรับ CTBC Bank เป็นธนาคารเอกชนขนาดใหญ่อันดับที่ 1 ของไต้หวัน มีสินทรัพย์ 3.83 ล้านล้านบาท เป็นธนาคารที่มีเครือข่าย และตัวแทน 106 แห่ง ครอบคลุม 14 ประเทศ มีความเชี่ยวชาญด้านคอนซูเมอร์ ไฟแนนซ์ การร่วมมือเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้ทำให้ฐานเงินทุนของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โตมากกว่าเท่าตัว หรือกว่า 32,000 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.2 ณ สิ้นปี 2558 เป็น 21.3 สูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะรองรับการปล่อยสินเชื่อให้โครงการขนาดใหญ่มากขึ้น และยังเป็นการรองรับการเติบโต และขยายกิจการของธนาคารไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ราย ตกลงร่วมกันจะไม่มีการขายหุ้นออกในช่วงเวลา 3 ปี
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล เอชไฟแนนซ์เชียน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ขยายตัวร้อยละ 10-15 โดยการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว โดยเน้นการขยายตัวของสินเชื่อผู้ประกอบการใหญ่ที่ธนาคารตั้งเป้าเติบโตร้อยละ 15-20 จากแนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ รวมทั้งควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกินร้อยละ 2 ในปีนี้