บางกอกแร้นช์ เร่งหาช่องทางจำหน่ายเป็ด บุกตลาดจีนที่นิยมบริโภค พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ดันมาร์จิ้นพุ่ง ปีนี้หวังรายได้โตระดับ 10-15% มั่นใจยอดขายต่างประเทศสดใส และราคาสัตว์ปีกเริ่มฟื้นตัว ปีนี้อัดงบลงทุนพันล้านบาท ขณะดีลพันธมิตรขยายธุรกิจเป็ดในอินโดฯ คาดสรุปได้ในไตมาส 2 ปีนี้
นายชลชาสน์ วรวุฒิจงสถิต ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้จะดีสูงกว่าปีก่อนที่ทำไว้ 550.15 ล้านบาท อันเป็นไปตามเป้าหมายรายได้ที่จะเติบโต 10-15% จาก 7,76 0 ล้านบาทในปีก่อน หลังราคาสัตว์ปีกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และตลาดยุโรปที่บริษัทฯ ส่งออกนั้นก็มีทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายในต่างประเทศ
“ตลาดภายในประเทศเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ขณะที่ราคาเป็ดก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่ถึงระดับต้นปี 58 ส่วนตลาดต่างประเทศถือว่ายังไปได้ดี โดยตลาดยุโรปก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายของเรา ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าหมายรายได้น่าจะเติบโตได้ 10-15% จากปีก่อน” นายชลชาสน์ กล่าว
บริษัทยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นอาหารสำเร็จรูป คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยหวังจะมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงขึ้นราว 5-10% เมื่อเทียบอัตรากำไรจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ปัจจุบัน ทั้งเป็ดสด และเป็ดปรุงสุก อย่างไรก็ตาม การออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยผลักดันยอดขายรวม และรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาด้วย
นายชลชาสน์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น ทั้งเจรจาขายสินค้าให้แก่ร้านอาหารที่ยังไม่มีเมนูเป็ด พร้อมทั้งจะขยายไปยังต่างประเทศ โดยมีความสนใจในประเทศที่นิยมรับประทานเป็ด เช่น จีน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนทุกรูปแบบ ทั้งการเข้าไปร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ หรือลงทุนเองใน 3-4 ประเทศทั่วโลก ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมของแหล่งเงินลงทุน โดยปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.5 เท่า
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาพันธมิตรที่ประเทศอินโดนีเซีย บริษัทฯ คาดว่าน่าจะสรุปได้ในไตรมาส 2 ปี 2559 โดยคาดหวังที่จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 40% ซึ่งจะเป็นการลงทุนเช่นเดียวกับในไทยที่ทำธุรกิจเป็ดครบวงจร มีทั้งโรงเชือด โรงฟูด และฟาร์มเป็ด ซึ่งน่าจะมีการลงทุนได้ช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ราว 1,000-1,500 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนการลงทุนปีนี้ บริษัทฯ วางงบลงทุนราว 900-1,200 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงเชือด โรงงานอาหารสำเร็จรูป และขยายฟาร์ม ที่จังหวัดสระแก้ว คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 9 ล้านตัวต่อวัน จากปัจจุบัน 18 ล้านตัวต่อวัน ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงปี 2561
นายชลชาสน์ วรวุฒิจงสถิต ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้จะดีสูงกว่าปีก่อนที่ทำไว้ 550.15 ล้านบาท อันเป็นไปตามเป้าหมายรายได้ที่จะเติบโต 10-15% จาก 7,76 0 ล้านบาทในปีก่อน หลังราคาสัตว์ปีกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และตลาดยุโรปที่บริษัทฯ ส่งออกนั้นก็มีทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายในต่างประเทศ
“ตลาดภายในประเทศเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ขณะที่ราคาเป็ดก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่ถึงระดับต้นปี 58 ส่วนตลาดต่างประเทศถือว่ายังไปได้ดี โดยตลาดยุโรปก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายของเรา ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าหมายรายได้น่าจะเติบโตได้ 10-15% จากปีก่อน” นายชลชาสน์ กล่าว
บริษัทยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นอาหารสำเร็จรูป คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยหวังจะมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงขึ้นราว 5-10% เมื่อเทียบอัตรากำไรจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ปัจจุบัน ทั้งเป็ดสด และเป็ดปรุงสุก อย่างไรก็ตาม การออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยผลักดันยอดขายรวม และรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาด้วย
นายชลชาสน์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น ทั้งเจรจาขายสินค้าให้แก่ร้านอาหารที่ยังไม่มีเมนูเป็ด พร้อมทั้งจะขยายไปยังต่างประเทศ โดยมีความสนใจในประเทศที่นิยมรับประทานเป็ด เช่น จีน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนทุกรูปแบบ ทั้งการเข้าไปร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ หรือลงทุนเองใน 3-4 ประเทศทั่วโลก ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมของแหล่งเงินลงทุน โดยปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.5 เท่า
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาพันธมิตรที่ประเทศอินโดนีเซีย บริษัทฯ คาดว่าน่าจะสรุปได้ในไตรมาส 2 ปี 2559 โดยคาดหวังที่จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 40% ซึ่งจะเป็นการลงทุนเช่นเดียวกับในไทยที่ทำธุรกิจเป็ดครบวงจร มีทั้งโรงเชือด โรงฟูด และฟาร์มเป็ด ซึ่งน่าจะมีการลงทุนได้ช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ราว 1,000-1,500 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนการลงทุนปีนี้ บริษัทฯ วางงบลงทุนราว 900-1,200 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงเชือด โรงงานอาหารสำเร็จรูป และขยายฟาร์ม ที่จังหวัดสระแก้ว คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 9 ล้านตัวต่อวัน จากปัจจุบัน 18 ล้านตัวต่อวัน ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงปี 2561