หนึ่งในวิธีการวิเคราะห์การลงทุนเชิงปัจจัยพื้นฐานนั่นคือ การเปรียบเทียบหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันว่าหุ้นตัวใดที่มีความน่าสนใจในการลงทุนมากกว่ากัน หรือเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การใช้แนวคิดลงทุนดังกล่าวมีจุดอ่อนที่อาจทำให้การวิเคราะห์คาดเคลื่อนไปได้เช่นกัน เราไปดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้าง
หนึ่ง..รูปแบบธุรกิจของหุ้นแต่ละตัวอาจแตกต่างกัน แม้จะทำธุรกิจในกลุ่มเดียวกัน แต่รูปแบบการทำธุรกิจของแต่ละบริษัทอาจมีความแตกต่างกันออกไป เช่น บริษัทค้าปลีกบริษัทหนึ่ง อาจมีรายได้จากยอดขายเพียงอย่างเดียว ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งรูปแบบการรับรู้รายได้ก็ต่างกัน อัตรากำไรต่างกัน โอกาสที่จะนำหุ้น 2 ตัวในอุตสาหกรรมเดียวกันมาเปรียบเทียบกันโดยตรง บางครั้งจะไม่สามารถมองภาพที่ชัดเจนได้ นักลงทุนจึงควรวิเคราะห์เจาะลึกลงไปยังหุ้นแต่ละตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมว่าบริษัทใดที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินอย่างเช่น อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Retrun On Equity) มาใช้วิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขัน
สอง..การประเมินมูลค่าด้วยพีอีที่อาจไม่เท่ากัน การใช้ค่าพีอี เรโชในการวิเคราะห์การลงทุนมักใช้เปรียบเทียบว่าหุ้นตัวใดที่ราคาถูกหรือแพง หลักการคือ ต้องลงทุนในหุ้นที่พีอียังต่ำกว่ามูลค่า เพื่อรอให้ราคาหุ้นขึ้นไปถึงพีอีที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีการวิเคราะห์โดยใช้ค่าพีอีเฉลี่ยรายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มค้าปลีก ต้องมีพีอีเฉลี่ยที่ 30 เท่า ธุรกิจสิ่งทอ อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10 เท่า ฯลฯ บางครั้งอาจต้องเจาะลึกลงไปยังหุ้นแต่ละตัว เพราะนักลงทุนจะประเมินระดับของค่าพีอีของหุ้นแต่ละตัวต่างกันออกไป แม้จะทำธุรกิจเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันก็ตาม เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 2 ตัวในตลาด (สีเขียวกับม่วง) มีโมเดลธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก แต่หุ้นธนาคารสีเขียวมีอัตรากำไรที่สูงกว่า เมื่อวิเคราะห์ค่าพีอีเฉลี่ยออกมาจะสูงกว่าอีกธนาคารหนึ่งเสมอ
สรุปคือ นักลงทุนจะตีค่าของค่าพีอีแตกต่างกันออกไปตามความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงความคาดหวังที่มีต่อหุ้นนั้นๆ แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็นำมาเทียบกันไม่ได้ จึงควรวิเคราะห์แยกเป็นรายตัว
สาม..คุณภาพของแต่ละบริษัทแตกต่างกันออกไป นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มักให้มุมมองการลงทุนว่า อุตสาหกรรมไหนที่กำลังมาแรง และเป็นขาขึ้นอยู่ในเวลานั้น โดยพิจารณาจากปัจจัยภายนอก และเศรษฐกิจมหภาค เช่น นโยบายภาครัฐที่ออกมา การเปลี่ยนแปลงของดัชนีชี้วัดต่างๆ เช่น ดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน ฯลฯ เช่น มองว่าดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด แต่จริงแล้วอาจจะใช้ไม่ได้กับหุ้นแบงก์ทั้งหมด เพราะแบงก์ที่เน้นสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งดอกเบี้ยคงที่อาจไม่ได้รับประโยชน์ เป็นต้น
บทสรุปคือ แนวคิดการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมีความหลากหลาย บริษัทที่ทำธุรกิจแบบเดียวกันแต่บางแห่งอาจจะมีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าก็ได้ แนวคิดการวิเคราะห์หุ้นแบบมองทั้งอุตสาหกรรมอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
SuperTrader Team
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง